ศาสตร์แห่งการนำเสนอ เรียนรู้วิธีการนำเสนองานให้น่าสนใจ และปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว กับเจ้าของรางวัลระดับโลก หนุ่มหล่อผู้คว้ารางวัลรองชนะเลิศ Microsoft PowerPoint จาก California คุณนพ พงศธร ธนบดีภัทร CEO และ Co-Founder ของ Refine ที่มีโอกาสเดินทางไปนำเสนองานต่อหน้าคณะกรรมการทั่วโลก
- ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน สิ่งทำคัญที่สุดของการทำธุรกิจคือการปิดการขายให้ได้ โดยการรู้วิธีการสื่อสาร หรือนำเสนอธุรกิจ และนำเสนอออกไปอย่างตรงจุด
- การนำเสนองานก็เหมือนการแต่งน่าตาของอาหาร หากเราทำธุรกิจ คือเราทำอาหารอร่อยมาก แต่เราทำน่าตาของอาหารไม่น่าทาน ก็ไม่มีคนทาน ดังนั้นการนำเสนอเป็นเหมือนการสื่อสารความอร่อยของเราไปให้คนอื่นอยากลองชิม
- เทคนิคการนำเสนอที่จะทำให้ SMEs ไทยปิดการขายได้อย่างรวดเร็วด้วยเอกสารเพียง 11 หน้า ก็ครอบคลุมทุกสิ่งที่ผู้ฟังอยากรู้
สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของการนำเสนอ คือทุกคนจะต้องตระหนักถึงเป้าหมายในการนำเสนอเพราะ “การรู้เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้การนำเสนอตรงประเด็น และสัมฤทธ์ผลมากยิ่งขึ้น”
เพื่อเป็นการติดอาวุธให้กับ SMEs ไทย คุณนพก็ได้นำประสบการณ์ที่กลั่นกรองจากการขึ้นเวที ซึ่งนับครั้งไม่ถ้วน มาถ่ายทอดให้ได้ฟังกัน อย่างแรกคือเทคนิดการพรีเซนต์ให้ปิดการขายได้ รวมถึงวิธีการยืนบนเวทีอย่างไรให้ดูสง่า และเป็นมืออาชีพ
เริ่มจากคำว่า Pitching หรือการนำเสนอเพื่อหวังผลบางอย่าง ประกอบไปด้วยเทคนิดต่างๆ มากมายทั้ง Elevator Pitch เทคนิคการนำเสนอขายงานให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น, Sale Pitch เทคนิคการนำเสนอที่มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวนให้ซื้อบางสิ่ง และ Investor Pitch เทคนิคการนำเสนอกับนักลงทุนเพื่อชักชวนให้มาลงทุนร่วมกัน เป็นต้น ส่วนวันนี้ที่จะมาลงลึกนั่นก็คือ Public Pitch หรือเทคนิคการนำเสนอที่อยู่ในที่สาธารณะ
เทคนิคง่ายๆ ของการนำเสนอในที่สาธารณะอย่างแรกคือการรู้จักเรื่องที่จะนำเสนอ มีเป้าหมายในการนำเสนอที่ชัดเจน และการมี Story Telling หรือทักษาะการเล่าเรื่องให้มีความน่าสนใจ โดยใช้หลักที่ว่า หากจะขายของได้ จะต้องมีปีศาจ หรือว่าปัญหาของลูกค้า มาแสดงให้เห็นนั่นเอง
อาวุธอีกอย่างที่คุณนพนำมาติดให้กับ SMEs คือวิธีการทำ Pitch Deck หรืออุปกรณ์ของการนำเสนอ ซึ่งว่ากันง่ายๆ ก็ Microsoft PowerPoint นั่นเอง จะทำออกมาให้น่าสนใจได้อย่างไรมีวิธีการนำเสนอหัวข้อง่ายๆ เพียงแค่ 11 หน้าก็สามารถปิดการขายได้ คุณนพยังกล่าวอีกว่า หากทำได้ก็จะเป็นการนำเสนอที่น่าฟังที่สุด เทคนิคเหล่านั้น มีดังนี้
หน้าที่ 1 Business ชื่อธุรกิจ หรือชื่อเรื่องที่จะนำเสนอ โดยระบุให้สั้น เป็นประโยคที่กระชับที่สุด เนื่องจากหน้านี้จะเป็นหน้าที่เปิดค้างไว้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะเดินขึ้นไปนำเสนอ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียวที่ผู้ฟังจะได้อ่าน
หน้าที่ 2 Problem หน้าที่แสดงปัญหา ต้องชี้ให้เห็นของปัญหาที่ลูกค้าเจอก่อนที่จะเริ่มธุรกิจของเรา เพื่อที่จะให้คนที่นั่งฟังอยู่อินกับปัญหาที่สุด
หน้าที่ 3 Solution วิธีการแก้ปัญหา หน้านี้ต้องแสดงถึงประโยชน์ของธุรกิจที่จะไปช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น
หน้าที่ 4 Market Validation เป็นหน้าที่หลายคนไม่ได้นึกถึง คือหน้าที่ต้องการบอกให้ผู้ฟังรับทราบว่า ตลาดของสินค้าหรือบริการ ของธุรกิจเรานั้นมีอยู่จริง
หน้าที่ 5 Market Size แสดงขนาดของตลาด ซึ่งเป็นหน้าสไลด์ที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการนำเสนอให้กับนักลงทุน
หน้าที่ 6 Product การแสดงให้เห็นถึงสินค้า และบริการ เป็นการแนะนำ การยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้ฟังได้เห็นภาพ
หน้าที่ 7 Business Model แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจ
หน้าที่ 8 Market Adoption บางคนเรียกว่า Marketing Plan แสดงวิธีการให้เห็นว่าเราจะทำการตลาดอย่างไรกับธุรกิจของเรานั่นเอง
หน้าที่ 9 Competition คู่แข่ง หลายคนมองข้ามหน้านี้ เพราะไม่กล้าใส่กลัวว่าธุรกิจของตนจะแพ้ แต่ความจริงแล้วเราไม่ได้ใส่เพื่อแสดงให้เห็นการแข่งขัน แต่เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะ “การสร้างความแตกต่างคือข้อได้เปรียบคู่แข่ง”
หน้าที่ 10 Competitive Advantages แสดงความสามารถในการแข่งขัน หรือข้อได้เปรียบของธุรกิจ ที่สำคัญมากๆ และทุกธุรกิจควรจะหาให้เจอ
หน้าที่ 11 Team หน้านี้แสดงความสามารถของคนในทีมเพื่อให้นักลงทุนเห็นว่าทำไมต้องเป็นทีมเรา เพื่อเป็นการการันตีสมรรถภาพของธุรกิจ เพราะ “ทีมที่แข็งแรงคือตัวชี้ภวัดความสำเร็จขององค์กร”
นี่เป็นตัวอย่างของ Pitch Deck ที่ดี นำเสนอแล้วไม่น่าเบื่อ ที่สำคัญคือเนื้อหาครอบคลุม ปิดการขายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่ใช่แค่ธุรกิจ Start up ที่จะต้องใช้เทคนิคดีๆ เหล่านี้ แต่คนทำ SMEs หรือคนขายสินค้า และบริการก็ต้องใช้เช่นเดียวกัน สุดท้ายแล้วคุณนพได้ฝากถึงทุกคนว่า “เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ตอนนี้มันคือสินค้า มันคืออาหารที่มันอร่อยอยู่แล้ว แต่ที่คนไม่ได้เลือกไปกิน เพราะว่าเรายังขายไม่เป็น ดังนั้นสิ่งที่อยากฝากไว้คือ ลองเอาไปฝึก ไปซ้อม ลองขายให้ได้ ก็ขอให้ปีนี้เป็นปีทองของทุกคน และก็ขอให้ทุกคนเป็นอายุน้อยร้อยล้านคนต่อไปครับ”