
การทำธุรกิจ นอกจากจะต้องทำให้ธุรกิจโตและดำเนินต่อไปให้ได้แล้วนั้น การเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อการทำธุรกิจ การเข้าใจที่มากขึ้นทำให้นักการตลาด สามารถสร้างสรรค์การตลาดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ แล้วยังสามารถนำเสนอสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการได้ตรงมากขึ้นนั้นเอง แถมสามารถต่อยอดความรู้นี้ในการสร้างแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้ ดังนั้นการทำวิจัยจึงจำเป็นต้องเจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง การเข้าใจความรู้สึกของผู้บริโภค หรือ Consumer insight นั้นจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากโดยจะแยกประเภทของการวิเคราะห์ Insight ของลูกค้า ได้ดังนี้

1.Consumer Trend การทำตลาดหรือกลยทุธ์ต่างๆ ที่แบรนด์ต้องใช้จะเปลี่ยนไปจากเดิม ตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พูดได้ว่า เทรนด์การตลาดตอนนี้ ถือเป็นการทำตลาดที่เน้นการสื่อสารระดับบุคคลชัดเจน และนำเสนอสิ่งที่ตรงกับผู้บริโภคคนนั้นๆ ต้องการได้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น โดยดูจาก Insight และความสนในของผู้บริโภคคนนั้นๆ เช่น การตอบสนองต่อโปรโมชั่น, การตอบสนองต่อคอนเทนต์ และสิ่งที่แบรนด์นำเสนอให้ มีความลึกมากขึ้น
2. Customer Insight การที่หา Consumer Insight เพื่อจะให้เข้ากับแบรนด์ของเรานั้น สิ่งสำคัญคือการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภค หลายๆ แบรนด์ที่ยังไม่เข้าใจผู้บริโภคดีพอ จะต้องหาประสบการณ์ความพึงพอใจในการใช้งานให้ได้ เพื่อที่จะเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ได้ จึงต้องทำตัวหรือเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในมุมมองผู้บริโภคด้วย
3. Customer Engagement หรือการสร้างความผูกพันของลูกค้า ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่มันสามารถกำหนดชะตาชีวิตของธุรกิจเราได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ สร้างความมั่นใจ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจที่จะซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากเรา ต่อมาการสร้างความภาคภูมิใจ เป็นการทำให้ลูกค้ารู้สึกภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าหรือบริการจากองค์กรของเรา นั่นหมายถึงว่าสินค้าหรือบริการของเราต้องมีคุณภาพดีและเหนือกว่าของคู่แข่ง และสุดท้ายคือ ต้องสร้างความไว้ใจ เมื่อลูกค้าติดใจสินค้าหรือบริการของเราแล้ว ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาคือคนสำคัญและเราต้องรักษามาตรฐานนี้ไว้ตลอด เพื่อให้ลูกค้ายังอยู่กับเราต่อไปให้ได้
เมื่อรู้ประเภทของ Insight ทั้ง 3 แบบแล้ว สิ่งต่อมาที่จะนำไปสู่กระบวนการต่อไป เพื่อให้ได้ กลยุทธ์ทางการตลาดได้ถูกต้องและนำไปประยุกต์ใช้กับแบรนด์นั้นๆ คือ การทำวิจัย (Research) โดยมีกระบวนดังนี้
- รู้วัตถุประสงค์ของการประกอบธุรกิจ เรานั้นคืออะไร เพื่อให้รู้และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค มาวิเคราะห์การวางแผนการตลาด เป็นการประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะลงมือดำเนินธุรกิจ
- รู้กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อที่นำไปสู่การสร้าง Brand Awareness หรือเป็นการสร้างความตระหนักคำนึงถึงภาพลักษณ์ และจุดเด่นของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
- ออกแบบวิธีการทำวิจัย เป็นการกำหนดปัญหา เช่น ธุรกิจของคุณไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายอย่างไรบ้าง ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัยอย่างชัดเจน โดยผู้วิจัยต้องรวบรวมข้อมูลที่จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ แล้วจะนำไปสู่การเก็บข้อมูลดิบ เครื่องมือการวิจัย และแผนการสุ่มตัวอย่าง
- ออกแบบกลุ่มตัวอย่างแล้วสัมภาษณ์ผู้บริโภคโดยตรง คือการเข้าถามสัมภาษณ์ผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมายออกมาว่า กำลังคิดอะไร กำลังมีปัญหาอะไร อยากได้อะไร และต้องการให้แบรนด์หรือสินค้าแก้ปัญหาอย่างไรออกมา คำถามเหล่านี้จะทำให้รู้ด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายเลือกแบรนด์จากตรงไหน และเจอแบรนด์ที่ไหน ตัดสินใจจากอะไรด้วย ทำให้สามารถได้คำตอบที่ถูกต้องมาก สิ่งที่จะได้จากการทำนี้คือการได้คำตอบหรือแนวคิดที่จะสามารถเอาไปสร้างการสื่อสารทางการตลาดได้เลย
- การวิเคราะห์ผล พยายามที่จะสกัดเอาข่าวสารที่มีความหมายจากข้อมูลที่เก็บมาได้ ขั้นแรกก็ต้องคำนวณหาค่าเฉลี่ยและวัดความกระจาย หรือเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เครื่องมือทางสถิตินั่นเอง

หากทุกแบรนด์ทำได้ทั้งศึกษา Consumer Insight แล้วนำไปสู่กระบวนการการทำวิจัย โดยนำองค์ความรู้จากวิจัยมาดัดแปลงให้เข้ากับการทำการตลาดให้แบรนด์ตัวเองได้อย่างครบถ้วน โอกาสที่แบรนด์จะเติบโตก็ไม่ใช่เรื่องยาก และการทำตลาดในปัจจุบันที่ต้องเริ่มตั้งต้นด้วยการเข้าใจและเข้าถึงลูกค้า อีกทั้งในปัจจุบันคือยุคที่รูปแบบและวิธีคิดในการทำตลาดต้องปรับเปลี่ยนและลงลึกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์และทำความเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง