เป็นเจ้าของธุรกิจ = เป็นนักสู้ 10 บทเรียนอันโหดร้ายจากการทำธุรกิจ ที่คนไม่เคยทำธุรกิจไม่มีวันเข้าใจ!

1455

เป็นเจ้าของธุรกิจ เท่ากับ เป็นนักสู้! เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่แค่จ้างคนมาทำงานแล้วรอรับเงินเฉย ๆ แต่ในความเป็นจริงต้องทำมากกว่านั้น ทั้งต้องดูแลธุรกิจ บริหารจัดการคน แบกรับค่าใช้จ่าย แรงกดดัน รวมถึงต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจ ซึ่งต่อไปนี้คือ “10 บทเรียนอันโหดร้ายจากการทำธุรกิจ” ที่คนไม่เคยทำธุรกิจไม่มีวันเข้าใจ แต่คนทำธุรกิจ เป็นเจ้าของกิจการ รู้ดีว่านี่คือเรื่องจริง!

1. กว่าธุรกิจจะมั่นคงได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี

ธุรกิจไม่ได้เกิดขึ้น มั่นคง และอยู่รอดได้ภายใน 1 วัน 1 สัปดาห์ หรือ 1 ปี ธุรกิจส่วนใหญ่ในโลก มักต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 5 ปี แต่ในบางกรณีก็อาจต้องใช้เวลาถึง 7-10 ปี ด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นแปลว่า การทำธุรกิจคุณต้องใช้ความอดทนสูง เพื่อค่อย ๆ สร้างธุรกิจไปทีละขั้น

เนื่องจากการสร้างธุรกิจให้มั่นคงมีหลายปัจจัยร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างฐานลูกค้า หาทีมงานคุณภาพ สร้างแบรนด์ ทำเว็บไซต์ หรือแม้แต่คิดชื่อแบรนด์ที่เหมาะสม แม้คุณจะบอกว่ามีทีมงาน หรือมีคนคอยช่วยเหลือแล้ว แต่การจะทำทุกอย่างให้สำเร็จ ก็ต้องใช้เวลานานอยู่ดี

2. ธุรกิจเสริมที่คุณลงทุนเพิ่มมักจะ “ได้ไม่คุ้มเสีย”

แม้จะดูเป็นความคิดที่ดี ที่จะเริ่มต้นการทำธุรกิจจากการทำเป็นธุรกิจเสริมหรืออาชีพเสริม แต่หากมองความคุ้มค่าในระยะยาว อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะคุณจะไม่สามารถเต็มที่ให้ธุรกิจนี้ได้เท่าที่ควร เนื่องจากคุณจะถูกฉุดรั้งจากงานหลักที่ต้องทำ คุณจะมีความกังวลเกิดขึ้นตลอดเวลา

การทำธุรกิจควรเป็นงานที่ต้องทำเต็มเวลา มีเวลาในการดูแลจัดการ มากกว่าทำหลังเลิกงาน เพราะนอกจากจะส่งผลต่อธุรกิจที่ทำแล้ว ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานหลัก รวมไปถึงการใช้ชีวิตและสุขภาพจิตของคุณด้วย

3. คุณอาจไม่ได้รับรายได้มักนักในช่วง 2-3 ปีแรกของการทำธุรกิจ

เมื่อคุณเริ่มต้นจาก 0 อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รายได้ที่มากเท่ากับรายได้จากงานล่าสุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะการทำธุรกิจในช่วง 2-3 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจอาจจะยังไม่สามารถทำรายได้ได้มากนัก บางธุรกิจมีกำไร บางธุรกิจเท่าทุน แต่บางธุรกิจก็ถึงขั้นขาดทุน

แต่ในขณะเดียวกัน รายได้ หรือผลตอบแทนทางการเงิน ก็ไม่ควรเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่คุณทำธุรกิจ บางคนแม้รายได้ของธุรกิจจะไม่ได้สูงมาก แต่พวกเขากลับพอใจกับธุรกิจของพวกเขา ลองนึกถึงเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มีทีมงาน ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะสามารถทำรายได้และผลกำไรที่สูง แถมยังมีภาระค่าใช้จ่ายในธุรกิจและทีมงานอีก แต่พวกเขายังคงพอใจ หากธุรกิจยังไม่ขาดทุน และยังอยู่รอดต่อไปได้

4. ถ้าไม่มีวินัย คุณจะล้มเหลว

ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้จากความ “ขี้เกียจ” การเป็นเจ้าของธุรกิจต้องแลกมาด้วยการทำงานหนัก ทุ่มเท และมีความรับผิดชอบสูง ดังนั้น “ความมีวินัย” ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงมือทำในสิ่งที่พูด ตรงต่อเวลา มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง และเสมอต้นเสมอปลาย

5. คุณมักต้องการการซัปพอร์ต ความเข้าใจ จากคนรักหรือครอบครัวของคุณ

เพราะการทำธุรกิจมันเหนื่อย เมื่อคนรักหรือครอบครัวของคุณเข้าใจในงานของคุณ หรือสิ่งที่คุณกำลังพยายามทำให้สำเร็จ และพวกเขาก็เต็มใจที่จะซัปพอร์ตอยู่ข้าง ๆ คุณ ชีวิตของคุณทั้งส่วนตัวและการทำงานจะง่ายขึ้นมาก

คนเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องดูแลหลาย ๆ อย่าง แบกรับแรงกดดันจากหลายทาง จึงมักต้องการที่พึ่งทางจิตใจ การซัปพอร์ต เข้าอกเข้าใจในสิ่งที่ทำจากคนที่รัก จากรู้สึกแย่หรือเหนื่อยจากงาน ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้

6. เมื่อเป็นเจ้าของธุรกิจต้องทำงานตลอดเวลา

การเป็นเจ้าของธุรกิจต้องทำงานตลอดเวลา และไม่มีแน่นอนกับการเข้างาน 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น เพราะต่อให้คุณจะไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศ แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องของธุรกิจจะอยู่ในความคิดของคุณเสมอ

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนบ้างาน แต่เป็นเพราะในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณมักตระหนักอยู่เสมอว่า คุณคือผู้รับผิดชอบต่อบริษัท ธุรกิจ รวมถึงหลายชีวิตที่คุณต้องดูแล นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมักหยุดคิดเรื่องงานไม่ได้ แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม

7. เมื่อรายได้ดี ก็มีการจ่าย “ภาษี” เข้ามาเป็นเรื่องน่าปวดหัว

การจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีอะไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องสำคัญต่อการทำธุรกิจ แต่ก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเมื่อได้รับใบเรียกเก็บภาษีก้อนใหญ่ใบแรก แต่กลับกัน นั่นควรเป็นสิ่งที่คุณภูมิใจ เพราะการได้รับใบเรียกเก็บภาษีที่ต้องจ่าย “ก้อนใหญ่” นั่นหมายความว่า คุณทำได้ดี ธุรกิจมีรายได้ และกำไรมากพอสมควร ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำเมื่อได้ใบมาคือ ให้ฝ่ายบัญชีรีบทำการจ่ายภาษีให้ครบและถูกต้อง

8. ถ้าสิ่งที่ทำไม่ทำเงิน ก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะทำ

เมื่อคุณเป็นเจ้านาย บางครั้งคุณอาจมีความงี่เง่าเล็กน้อย ที่ต้องการทำเรื่องสนุก ๆ หรือไอเดียเจ๋ง ๆ กับธุรกิจ แต่สิ่งต่อมาที่ต้องคิดคือ “แล้วไอเดียของคุณช่วยให้ธุรกิจสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่และอย่างไร?” ถ้าได้ก็ถือว่าคุณเจอสิ่งที่สามารถทำเงินให้ธุรกิจได้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันคือสิ่งที่ไม่สร้างเงินให้ธุรกิจ คุณก็ไม่ควรดันทุรังที่จะทำต่อ ควรวางแผนและสร้างสิ่งใหม่ที่มีโอกาสทำเงินให้ได้มากกว่าแทน

9. ทีมของคุณ คือ ทุกสิ่ง

ต่อให้จะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เก่งกาจสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถแบกรับภาระงานทุกอย่างไว้คนเดียวได้ คุณจำเป็นต้องมี “ทีมงานคุณภาพ” คอยช่วยเหลือในการพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแค่พนักงานในบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักบัญชี นักออกแบบ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ไปจนถึงมืออาชีพในด้านต่าง ๆ ที่คุณเคยร่วมงานด้วย

เมื่อคุณผ่านเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ มาสักระยะหนึ่ง คุณจะได้พบกับบุคลากรที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม และเป็นคนที่คุณสามารถไว้วางใจได้ จงทนุถนอม ดูแล และใส่ใจผู้คนเหล่านั้นให้ดี เพราะพวกเขาคือ พลังสำคัญของคุณและธุรกิจของคุณ

10. เมื่ออยู่ในจุดที่สำเร็จแล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปทำในวันที่เริ่มสร้างมันอีก

การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมันมาพร้อมกับความเครียด แรงกดดัน ความอดทน ความหงุดหงิด รวมถึงงานมากมาย แต่มันก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะแลก เพราะมันคือธุรกิจของคุณ คือสิ่งที่คุณกำลังสร้าง โดยเฉพาะเมื่อถึงวันที่คุณทำสำเร็จแล้ว คุณจะรู้สึกขอบคุณตัวเอง และดีใจที่ได้ทำสิ่งนี้

ในขณะเดียวกัน เมื่อคุณอยู่ในจุดที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว คุณจะไม่ต้องการที่จะกลับไปจุดนั้นอีกครั้ง ทั้งจุดเริ่มต้น จุดที่เคยล้มเหลว ไปจนถึงจุดที่ทำสำเร็จครั้งแรก เพราะหลังจากที่คุณประสบความสำเร็จแล้ว คุณจะกลายเป็นผู้ประกอบการตลอดชีวิต และคุณจะรู้วิธีการทำธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งจากความล้มเหลวและความสำเร็จ เพราะทั้งสองล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางธุรกิจ ที่สามารถช่วยให้คุณยังสามารถเดินเกมธุรกิจต่อไปในอนาคตได้

ที่มา :