บางทีการที่คุณ “ไม่รวย” อาจไม่ใช่เพราะมาจากงานของคุณ ค่าใช้จ่าย หรือแม้แต่ความล้มเหลวทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่อาจมาจาก “วิธีคิด” แบบผิด ๆ ของคุณก็ได้ “15 วิธีคิด” ต่อไปนี้ ถ้าคุณค้นพบว่าตัวเองมี เปลี่ยนวิธีคิดซะ! เพราะมันคือต้นเหตุที่ทำให้คุณไม่รวยจริง ๆ เสียที
1. ทำเหมือนกับว่า “บัตรเครดิต” คือ “บัตรเดบิต”
บัตรเครดิต แม้จะเป็นตัวช่วยสำรองยามต้องใช้เงินฉุกเฉิน แต่ก็เป็น “กับดัก” ทางการเงินได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อคุณเข้าถึงบัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงิน อยากได้อะไรรูด เหมือนกับว่ามันเป็นบัตรเดบิตที่คุณเป็นเจ้าของเงินในบัญชีนั้น แต่เปล่าเลย! นั่นเป็นเพียงเงินที่คุณยืมและต้องจ่ายคืน หากใช้จ่ายมากเกินไป แทนที่จะดี กลายเป็นสร้างหนี้และภาระทางการเงินแทน ดังนั้น คุณควรใช้จ่ายให้พอดีเงินที่มี และใช้บัตรเครดิตยามที่ฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น
2. คิดว่า “งานของคุณจะทำให้คุณรวยในที่สุด”
จริงอยู่ที่เราทุกคนต่างทำงานเพื่อให้ได้เงิน และจุดเริ่มต้นของความรวยก็คือ “การทำงาน” แต่รู้หรือไม่? คนรวยที่แท้จริง พวกเขามักมีเวลาและความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ได้มีเจ้านายหรือใครมาคอยบอกว่าต้องทำอะไร หากคุณยังเป็นคนที่ต้องคอยทำตามคำสั่งใครในที่ทำงานอย่างเดียว คุณจะถูกจำกัดความคิด และกลายเป็นคน “ขี้ขลาด” ไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำอะไร นอกจากทำงาน เพื่อรับเงินเดือนในทุก ๆ เดือน ซึ่งจริง ๆ แล้ว คุณอาจสามารถทำเงินได้มากกว่านี้ นั่นจึงเป็นข้อสรุปที่ว่าการทำงานไม่ได้ทำให้ทุกคนรวยอย่างแท้จริงได้
3. เพราะยังคิดว่า การศึกษา เป็น “ค่าใช้จ่าย” ไม่ใช่ “การลงทุน”
ว่ากันว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือ “การลงทุนในตัวเอง” แต่หลาย ๆ คนกลับมองว่า มันมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าคอร์สเรียน หรือแม้แต่ “เวลา” ที่ต้องจ่ายไป ถ้าคุณมองว่าตัวเองเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและความตั้งใจมากพอ และไม่อยากเสียเงิน ก็อาจจะลองเสิร์ช Google ดูก็ได้ แต่บางครั้งก็อาจจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลากว่าจะหาคอร์สที่อยากเรียนได้ “เพราะเวลามีค่ามากกว่าเงิน” ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่ใช่คนที่มีความรับผิดชอบขนาดนั้น และไม่อยากเสียเวลา จริง ๆ แล้วการลงทุนจ่ายค่าคอร์สเรียนดี ๆ สักหนึ่งคอร์ส อาจช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากกว่า อีกทั้งนอกจากจะได้ความรู้แล้ว คุณยังมีโอกาสได้คอนเนคชันดี ๆ ที่อาจมีผลประโยชน์ทางธุรกิจและการลงทุนเพื่อสร้างเงินให้คุณในอนาคตก็ได้
4. คุณมองว่า การใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงของตัวเอง เป็น “การลงทุน” ไม่ใช่ “รายจ่าย”
หลายคน “จน” เพราะสิ่งนี้! ไม่แปลกที่หลังจากทำงานมาอย่างหนักหน่วง คนเราจะอยากผ่อนคลาย และมักยอมจ่ายเงินให้กับสิ่งต่าง ๆ เพื่อความสุข ความบันเทิงของตัวเองได้แบบไม่ต้องคิดให้เยอะ เช่น การจ่ายให้กับ Netflix เดือนละ 400 กว่าบาท ทุก ๆ เดือน, ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงทุกศุกร์หรรษา หรือแม้แต่บุฟเฟ่ต์จัดหนักทุกครั้งที่เครียด คุณไม่เคยมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นรายจ่าย แต่มันคือการลงทุนเพื่อตัวเอง ซึ่งไม่ผิด แต่จะผิดก็ต่อเมื่อคุณจ่ายให้กับความบันเทิงมากเกินไป จนเสียทั้งเงินและเวลาในการไปสร้างอย่างอื่นเพื่อให้ได้เงินมากกว่า
5. คุณยังฟังแต่คนที่ยึดติดกับการลงทุนในเรื่องเดิม ๆ
เพราะโลกของเราเปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน และการลงทุนในสิ่งใหม่ ๆ ก็มักเกิดขึ้นเสมอ ในขณะเดียวกันก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งไม่ยอมก้าวตามการเปลี่ยนแปลงและการเกิดขึ้นใหม่ของสิ่งต่าง ๆ ยังคงยึดติดกับอะไรเดิม ๆ มีความเชื่อเดิม ๆ ที่สำคัญคือ ไม่เชื่อในการลงทุนใหม่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือ คุณกลับเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเชื่อแบบผิด ๆ เช่น เชื่อว่าคริปโตฯ เป็นแค่เงินปลอมในอากาศ, เชื่อว่า NFT เป็นแค่รูปภาพ งานศิลปะทั่วไป และเชื่อว่า Metaverse ไม่มีวันเป็นจริง เป็นแค่เว็บฯ เท่านั้น ไม่มีวันสร้างมูลค่าอะไรได้
แต่คุณลองมองย้อนกลับไปดูว่า ทำไมผู้คนถึงหันมาสนใจเรื่องเหล่านี้มากมายขนาดนี้ แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Meta, Microsoft, Walt Disney, Prada, Nike, Zara ฯลฯ ยังเข้าไปลงทุนในเรื่องเหล่านี้ที่คนพวกนั้นบอกว่า “ไม่เวิร์ค” การที่คุณยังเลือกที่จะเชื่อคนที่ยังยึดติดอะไรเดิม ๆ ปิดกั้นสิ่งใหม่ ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ ก็เป็นคำตอบที่ดีแล้วว่า ทำไมคุณถึงยังไม่รวยเสียที! ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะรวยขึ้นจริง ๆ คุณต้องหันหลังให้กับคนที่คุณเคยเชื่อ แล้วหันมาดูคนที่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ ๆ กล้าที่จะลงทุนอะไรใหม่ ๆ มากกว่า
6. พรุ่งนี้ค่อยทำ
ข้อผิดพลาดหนึ่งที่ทำให้คน ๆ หนึ่งไม่รวยเสียทีก็คือ การมีความคิดที่ว่า “ยังมีเวลา” พรุ่งนี้ค่อยทำ แป็บหนึ่งเดี๋ยวทำ การผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ทำให้แค่เสียงานเท่านั้น แต่บางครั้งยังทำให้คุณเสียโอกาสในการสร้างเงินมหาศาลได้อีกด้วย
7. คิดแต่ว่า “ความลำบากเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่อะไรง่าย ๆ เป็นสิ่งที่ดี”
รู้หรือไม่? ความลำบากสามารถนำไปสู่การเติบโตได้เหมือนกัน เพราะอะไร? เพราะการที่คุณต้องเผชิญกับความลำบากหรือความกลัวบ่อย ๆ และต้องพยายามเอาชนะมันไปให้ได้ เมื่อคุณทำสำเร็จ คุณจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ครั้ง ดังนั้น จงอย่าคิดว่าความลำบากจะนำพามาแต่เรื่องไม่ดี แต่จงยอมรับ และเอาชนะให้มันกลายเป็นเรื่อง “ง่าย ๆ” สำหรับคุณให้ได้ นี่คือวิธีที่จะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นแบบทวีคูณ
8. คิดว่ารวยแล้วต้อง “ซื้อของแบรนด์เนม”
หนึ่งในความคิดผิด ๆ ที่คนมักคิดก็คือ หากรวยแล้ว มีเงินแล้ว จะต้องซื้อของแบรนด์เนม แน่นอนว่าคุณสามารถทำได้ถ้าซื้อเพื่อเป็นรางวัลชีวิตจากการทำงานหนัก แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนั้น! เมื่อฐานะทางการเงินเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่คนมักทำก็คือ ไล่ตามการซื้อที่ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น เพื่อให้สมฐานะมากที่สุด นั่นเป็นความคิดของคนที่อยาก “ดูรวย” เท่านั้น แต่สำหรับคนที่รวยจริง ๆ พวกเขามักไม่สนใจสิ่งนี้ ไม่มีของหรูหรา ฟุ่มเฟือย แต่กลับใช้ชีวิตปกติทั่วไป และมักใช้เวลาว่างไปกับการคิดว่าจะใช้เงินกับอะไรที่ทำให้เงินในกระเป๋ารวยขึ้นอีก
9. ต้องซื้อรถดี ๆ ก่อนซื้อบ้านดี ๆ
รถมักเป็นสิ่งที่คนเลือกซื้อเป็นอันดับแรกเมื่อมีเงิน เพราะนอกจากจะใช้ในการเดินทางแล้ว ยังแสดงถึงฐานะและภาพลักษณ์ได้เป็นอย่างดี แต่เคยได้ยินคำนี้หรือไม่? “รถ” มีแต่จะ “ลด” เพราะทันทีหลังจากคุณขับมันออกไป มูลค่าของรถคันนี้จะลดลงทันที กลายเป็นรถมือสอง และยิ่งนานวันเข้าก็จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่คิดค่าเสื่อมราคา ไม่ได้หายาก และราคาลดลงเยอะมาก ซึ่งต่างจากบ้านพร้อมที่ดิน เพราะยิ่งเวลาผ่านไป มีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากคุณอยากลงทุนเพื่อชีวิตและการเงินในอนาคต การซื้อบ้านเป็นสิ่งที่ควรทำก่อน
10. ใช้จ่ายมากกว่าที่หามาได้
แม้คุณจะมีเงินเข้าบัญชีจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ใช้จ่ายเงินอย่างหนักไม่แพ้กัน บางครั้งอาจถึงขั้นมากกว่าที่หามาได้ด้วยซ้ำ นั่นแสดงว่าคุณไม่ได้รวย แต่กำลังมีปัญหา! ทางออกที่ง่ายที่สุดคือ ลดการใช้จ่าย และเรียนรู้วิธีหาเงินเพิ่ม อย่าปล่อยให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นตามรายได้ของคุณ หรือหากอยากใช้จ่าย แทนที่จะซื้อของฟุ่มเฟือย ลองเปลี่ยนเป็นลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ให้คุณมากขึ้นดูก็ได้
11. ละเลยสุขภาพร่างกาย กินและดื่มทุกอย่างที่ต้องการ
เพราะการสร้างความร่ำรวย หรือฐานะทางการเงิน จำเป็นต้องใช้ “พลังงาน” ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการกิน รวมไปถึงพฤติกรรมการออกกำลังกาย และการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ล้วนเป็นตัวกำหนดระดับพลังงานของคุณทั้งสิ้น ดังนั้น การที่คุณละเลยสุขภาพร่างกาย กินและดื่มทุกอย่างที่ต้องการ ใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะเป็นโดยไม่สนใจว่าร่างกายจะเป็นอย่างไร ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีคิดที่ผิด คุณสามารถทำตามใจตัวเองได้ แต่ต้องคำนึงถึงสุขภาพด้วย เพื่อให้คุณมีพลังงานในการไปสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป และสุดท้ายคุณคงไม่อยากใช้เงินที่หามาได้ ไปกับการใช้รักษาสุขภาพตัวเอง
12. คิดว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มรายได้ คือ การขอขึ้นเงินเดือนจากเจ้านาย”
นายจ้างส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับค่าจ้างตามอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานแต่ละคน ล้วนต้องมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบด้วย และแน่นอนพวกเขาจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้คุณ เพียงเพราะคุณต้องการให้พวกเขาขึ้นให้ นอกเสียจากว่า พวกเขาเห็นคุณกำลังจะไป และไม่มีใครมาแทนที่คุณได้อีกแล้ว ดังนั้น อย่าคิดแต่จะหวังพึ่งพาเงินเดือนจากเจ้านายเพียงอย่างเดียว หากรายได้จากทางเดียวไม่พอต่อค่าใช้จ่าย หรือทำให้คุณรวยขึ้น ลองเรียนรู้วิธีการทำเงินเพิ่มเติม หรืออาจจะหาอาชีพที่สองทำก็ได้
13. คิดว่า “ไม่ควรเริ่มต้นธุรกิจ เพราะส่วนใหญ่ล้มเหลว และตัวเองก็มีโอกาสล้มเหลวเช่นกัน”
อยากรวย อยากทำธุรกิจ แต่คิดว่าไม่ควรเริ่ม เพราะเห็นตัวอย่างที่ล้มเหลวมานักต่อนัก แน่นอนว่าโอกาสที่คุณจะล้มเหลวนั้นมี แต่โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีเช่นเดียวกัน ดังนั้น อย่ากลัวไปก่อนที่จะเริ่ม ถ้าคุณอยากรวยจริง ๆ อยากประสบความสำเร็จแต่ไม่เคยพยายามลองเป็นเจ้าของธุรกิจสักครั้ง คุณไม่มีทางเดินไปถึงปลายทางที่ต้องการได้แน่นอน แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะล้มเหลว หรือประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ประเด็น! สิ่งที่คุณได้เรียนรู้ระหว่างทางต่างหากที่สำคัญ อย่างน้อยก็เป็นบทเรียนให้คุณได้ในวันที่เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
14. เข้าใจโลกว่า “ยุติธรรม” ตราบใดที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง รัฐบาลและสังคมจะช่วยแน่นอน
จำไว้ว่า แม้แต่คุณเองก็ไม่ได้ยุติธรรมกับทุกเรื่อง คุณไม่ได้ช่วยทุกคนที่ลำบาก ดังนั้น ชีวิต สังคม และรัฐบาลไม่ได้ยุติธรรมขนาดนั้น ไม่มีใครช่วยคนที่ล้มเหลวได้ “นอกจากตัวเอง” เราทุกคนมีวันที่ดี แต่ก็มีวันที่แย่เหมือนกัน ดังนั้น อย่าหวังแต่จะขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะคนที่จะช่วยคุณให้ก้าวข้ามเรื่องแย่ ๆ ไปได้ รวมถึงทำให้เรื่องต่าง ๆ ให้ยุติธรรมได้ในสายตาและความคิดของคุณก็มีเพียงตัวคุณเองเท่านั้น จงยอมรับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ก็ตาม
15. คิดแต่ว่า “อย่าเสี่ยงไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม”
คุณอาจคิดว่า การที่คุณล้มเหลวนั้นเป็นผลมาจากการรับความเสี่ยง ดังนั้น จึงเลือกที่จะไม่เสี่ยงกับอะไรทั้งนั้น จะได้ไม่ต้องพบกับความล้มเหลวอีก ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดเป็นอย่างมาก รู้หรือไม่? บุคคลที่ประสบความสำเร็จ เช่น Abraham Lincoln, Walt Disney หรือ Elon Musk ล้วนเคยล้มเหลว ผิดพลาดมาด้วยกันทั้งนั้น อย่ากลัวที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่างที่ต้องการ เพียงเพราะกลัวจะต้องเสี่ยง เพราะหากคุณไม่เสี่ยง คุณจะไม่พบว่าอะไรที่เรียกว่าผิดพลาด หรืออะไรที่ทำแล้วได้ผล คุณจะใช้ชีวิตไปกับความสงสัยว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะผิดพลาด ล้มเหลวสักกี่ครั้ง คุณสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอเท่าที่คุณต้องการ พร้อมกับเปิดใจรับความเสี่ยง ทำทุกอย่างที่อยากทำ เป็นทุกอย่างที่อยากเป็น เมื่อคุณได้เผชิญหน้ากับความเสี่ยงบ่อย ๆ ได้เรียนรู้ และสามารถเอาชนะมันได้ จะทำให้คุณค่อย ๆ ห่างจากคำว่า “ล้มเหลว” และจะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น อย่าว่าแต่ความสำเร็จเลย “ความรวย” ที่คุณต้องการ ก็อยู่ไม่ไกลคุณแน่นอน
ที่มา :