3 เหตุผลว่าทำไม “หุ้นกู้” ถึงน่าลงทุนในปี 2024 เลือกให้เป็น เพื่อผลตอบแทนที่มั่นคง

1546

ปี 2024 ถือเป็นปีที่ “หุ้นกู้” น่าลงทุนโดยเฉพาะในเวลานี้! ด้วยเหตุผลหลายด้าน วันนี้ก็ได้นำเอา 3 เหตุผลที่ว่าทำไมหุ้นกู้ถึงน่าลงทุนในปี 2024 ยิ่งถ้าเลือกให้เป็น จะได้ผลตอบแทนที่มั่นคงและปลอดภัยมาฝากกัน!

เหตุผลข้อที่ 1

อัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายๆประเทศ รวมถึงไทยอยู่ในระดับสูง ทำให้ผลตอบแทนของหุ้นกู้อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบหลายๆ ปี

– ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว 11 ครั้งติดต่อกันจากการแก้ปัญหาเงินเฟ้อในปี 2022 – 2023 ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาสูงที่สุดในรอบ 22 ปี อยู่ที่ 5.25-5.50%

– คาดการณ์ ในปี 2024 ธนาคารกลางหลายๆ แห่งจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 

  • ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้ง หรือปรับลดลง 0.75% จาก  5.25 –  5.50% เป็น 4.50 – 4.75%
  • •ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 4 ครั้ง หรือปรับลดลง 1.00% จาก  4.00% เป็น 3.00%
  • ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BOE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 4 ครั้ง หรือปรับลดลง 1.00% จาก 5.25% เป็น 4.25%

– เช่นเดียวกันกับ ประเทศไทย ที่ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 8 ครั้งติดต่อกันทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.50% ต่อปี ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปี

เหตุผลข้อที่  2

อัตราดอกเบี้ยนโยบายตอนนี้มีแนวโน้มกำลังจะปรับตัวลง จึงเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนก่อนที่อัตราผลตอบแทนหุ้นกู้จะทยอยปรับตัวลดลงตาม

– ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีก และคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดลงในปีนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

เนื่องจากการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี โดย 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี ส่งผลให้สถาบันการเงินหลายแห่ง อาทิเช่น เกียรตินาคินภัทร กรุงศรี ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบีไทย รวมถึงกสิกรไทย ต่างออกมาคาดการณ์ว่า กนง. หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต

SCB  WEALTH มองตลาดตราสารหนี้ในปี 2024 ยังสร้างผลตอบแทนได้ดี จากอานิสงส์ดอกเบี้ยคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มปรับตัวลงในอนาคต

เหตุผลข้อที่  3

ความเสี่ยงในตลาดยังคงมี ดังนั้นควรลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทที่อันดับเครดิตสูง และดำเนินธุรกิจอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ผันผวนตามวัฎจักรเศรษฐกิจ เช่น โทรคมนาคม สาธารณูปโภค

– ปี 2024 เป็นปีทองของการลงทุนในหุ้นกู้ โดยเฉพาะ หุ้นกู้ที่มีเรตติ้งดี มีกระแสเงินสดจากการทำธุรกิจสม่ำเสมอ  เช่น หุ้นกู้ TRUE เป็นต้น

– ทั้งนี้ยังคงมีความเสี่ยงในตลาดไม่ว่าจะเป็น

  • หุ้นกู้หลายตัว มีการขอเลื่อนการจ่ายเงินต้น เนื่องจากประสบปัญหาสภาพคล่อง
  • หลายๆ บริษัทถูกปรับอันดับเครดิต หรือปรับแนวโน้มอันดับเครดิต (outlook) ลง
  • เศรษฐกิจไม่ดี ตามผลการคาดการณ์ของหลายๆ สำนัก ที่ปรับลดการเติบโตของ GDP ลง
    ซึ่งการที่เศรษฐกิจไม่ดี การลงทุนในหุ้นอาจมีความเสี่ยงควรเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่มีดอกเบี้ยรับที่แน่นอน และควรเลือกลงทุนในหุ้นกู้ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ผันผวนตามวัฎจักรเศรษฐกิจ เช่น โทรคมนาคม

นี่คือ จุดเด่นที่ทำให้ “หุ้นกู้ทรู” น่าสนใจกว่าหุ้นกู้ตัวอื่น!

⭐️ติดอันดับ 1  ของโลก สำหรับดัชนีความยั่งยืน DJSI 2023 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน

⭐️หลังจากควบรวม  TRUE – DTAC บริษัทมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

⭐️โอกาสได้ลงทุนในหุ้นกู้ Investment Grade ความน่าเชื่อถือถึงระดับ A+

⭐️ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ หรือเลื่อนการชำระหนี้

⭐️บริษัทมีสภาพคล่องสูง สามารถจ่ายชำระคืนทั้งหุ้นกู้และตั๋วแลกเงิน ก่อนเปิดจองหุ้นกู้ครั้งใหม่เพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจนำเงินที่ได้มาร่วมลงทุนกับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

⭐️รายได้จากการให้บริการ ( ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายหรือ IC ) เติบโตขึ้น หลายไตรมาสติดต่อกัน เป็นผลมาจาก ARPU หรือรายได้ต่อลูกค้า ที่เพิ่มขึ้น จำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้น

การเติบโตอย่างมั่นคง กับ อนาคตที่สดใส

ในปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทเติบโตขึ้นอย่างมากเห็นได้จาก

1. ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน EBITDA เติบโตต่อเนื่อง 4 ไตรมาส

2. ฐานลูกค้า Mobile ทรูเติบโตเป็น 51.9 ล้านราย  เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านรายใน 1 ปี

3. มีลูกค้า 5G มากที่สุดถึง 10.5 ล้านราย

4. รับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมสุทธิ (Net Synergies) สูงกว่าที่คาดหมายถึง 700 ล้านบาท 

5. ทรู เป็นบริษัทไทยที่ได้คะแนนดัชนีความยั่งยืน DJSI สูงสุดอันดับ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลกต่อเนื่อง 6 ปีติดต่อกัน

6. ทรู ครองแชมป์ประสิทธิภาพอินเทอร์เน็ตมือถือที่ดีที่สุดในประเทศไทย 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559-2566 จากสถาบันทดสอบคุณภาพระดับโลกอย่าง nPerf ประเทศฝรั่งเศส