หลายคนเชื่อว่าการลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง คือหนทางสู่อิสรภาพในชีวิตอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของเวลา การทำงาน การใช้ชีวิต รวมไปถึงการเงิน แน่นอนว่ามันสามารถช่วยให้คุณบรรลุความปรารถนานั้นได้ แต่ไม่จริงเสมอไป เพราะยังมีความจริงอีกด้านที่คุณจะไม่มีวันค้นพบหรือได้เรียนรู้จนกว่าคุณจะตัดสินใจลาออกจากงานแล้วมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง ซึ่งต่อไปนี้คือ 5 เรื่องจริงที่คุณจะค้นพบเมื่อลาออกจากงานไปทำธุรกิจของตัวเอง
1. ทักษะที่คุณมียังไงก็ไม่เพียงพอต่อการบริหารธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์มากแค่ไหนจากงานประจำที่ผ่านมา แต่คุณก็ยังต้องเรียนรู้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของธุรกิจ และการสร้างรายได้ให้ธุรกิจเพิ่มด้วย อาทิ ทักษะการโน้มน้าวใจ การเขียน การพูด การเป็นผู้นำ การตัดสินใจ การบัญชี และการขาย ฯลฯ เพราะหากคุณต้องการเป็นอิสระอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอิสระทางการเงิน คุณต้องรู้และทำได้ทุกอย่าง รวมถึงมีทุกทักษะที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจของคุณ
2. เวลาสำคัญกว่าที่คิด ควรให้เวลากับตัวเองในการทำสิ่งต่าง ๆ
ไม่มีความสำเร็จใดเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน! หลายคนมักมุ่งเน้นไปที่การหาทางลัดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายโดยเร็วที่สุด ทั้งใช้เครื่องมือหรือมอบหมายงานให้ผู้อื่นช่วย วิธีนี้นอกจากจะช่วยประหยัดเวลา บางครั้งก็ช่วยให้ความสำเร็จอาจเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับบางคน แต่เพราะสำหรับคนส่วนใหญ่การสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องใช้เวลา! ดังนั้น หากคุณต้องการให้งานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่าใจร้อนจนเกินไป อย่าเร่งรัดเพียงแค่ต้องการให้สำเร็จโดยเร็ว ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าของแบรนด์สินค้า นักเขียน บล็อกเกอร์ ฯลฯ คุณต้องให้เวลากับงานของคุณ หน้าที่ของคุณมีแค่ลงมือทำสิ่งที่ต้องการ และทำมันอย่างสม่ำเสมอ
3. คุณต้องมีรากฐานในการจัดการกับความเหงา
การทำงานเพื่อตัวคุณเอง นั่นหมายความว่า จะไม่มีใครคอยกระตุ้นหรือช่วยคุณทำงานนอกจากตัวคุณเอง จะไม่มีใครผลักคุณให้ลุกออกจากเตียงไปทำงานหากคุณไม่ลุกเอง และจะไม่มีใครพาคุณไปพบปะกับผู้คนใหม่ ๆ หากคุณไม่พาตัวเองออกไปเจอใคร “แรงจูงใจในตัวเอง” เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับการมีอิสระและการทำธุรกิจด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลที่คนจำนวนมากแม้จะบ่นเจ้านาย แต่ก็ยังคงเลือกที่จะอยู่ต่อ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะกระตุ้นตัวเองให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้อย่างไร หรือบางครั้งพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร
แต่สำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และเลือกแล้วว่าจะลาออกจากการงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเอง ในขณะที่คุณพยายามสร้างระบบการทำงานด้วยตัวคุณเอง โปรดจำไว้ว่างานของคุณแม้จะขึ้นอยู่กับคุณ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะคุณก็ยังคงต้องการการสนับสนุนจากคนอื่นด้วย ไม่ว่าจะเพื่อน เพื่อนร่วมงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า ฯลฯ เราทุกคนต้องการระบบสนับสนุนที่ดี ทั้งในระดับธุรกิจและส่วนบุคคล ดังนั้น อย่าละเลยการสร้างสิ่งนั้น
4. การบริหารเวลาให้ประสบความสำเร็จ หมายถึง “การทำให้น้อยลง”
ภาพจำของคนที่ประสบความสำเร็จมัก “งานยุ่งมาก” เช้าประชุม บ่ายขึ้นเครื่องบิน ตกเย็นประชุมต่อ นอนตอนเที่ยงคืน และตื่นมาทำงานต่อตอนตี 4 แต่รู้หรือไม่? คนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตด้วย ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้น
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะจัดการเวลาได้ดี โดยพวกเขาจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากตารางงาน และทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าพอมีเวลาเหลือ นอกจากจะใช้เวลาเพื่อการพักผ่อน ออกไปใช้ชีวิตแล้ว พวกเขามักใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ ศึกษา และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่ดีต่อตัวเองและธุรกิจของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น Mohnish Pabrai ผู้จัดการกองทุนชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย ซึ่งกองทุนของเขามีมูลค่าประมาณ 637 ดอลลาร์สหรัฐ เขาให้ความสำคัญกับการเก็บวันที่มีเวลาว่าง ไม่มีตาราง (เป็นนิสัยที่ลอกเลียนแบบมาจาก Warren Buffett) เขาจะใช้เวลาในวันว่าง ๆ นั้นไปกับการใช้ชีวิต และศึกษาบริษัทที่เขาสนใจลงทุนด้วย โดยที่ในวันนั้น ๆ จะไม่มีการประชุมหรือโทรศัพท์แม้แต่สายเดียว ดังนั้น เขาจึงสามารถทำอะไรที่สำคัญสำหรับเขาอย่างแท้จริงได้มากขึ้น
5. คุณรู้วิธีล้มหรือไม่?
ล้มแล้วลุกใหม่ได้เสมอ ถ้าคุณรู้จักวิธีล้มและวิธีลุกอย่างแท้จริง! มีคนจำนวนมากที่ล้มเลิกเป้าหมายเพียงเพราะไม่รู้ว่าจะต้องล้มหรือสูญเสียอย่างไร ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นคนที่ “กลัวการล้ม” คนที่ลงทุนแล้วขาดทุนจะกลัวตลาดหุ้น และจะไม่แตะต้องมันอีก ผู้ประกอบการมือใหม่ที่สร้างธุรกิจแล้วล้มเหลว จะท้อแท้ และล้มเลิกทำธุรกิจ หรืออย่างฟรีแลนซ์ที่ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าก็มักจะยอมแพ้ในการหางานใหม่
การแพ้หรือล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของเกมธุรกิจ เราทุกคนต่างเคยทำผิดพลาด เคยล้มเหลว เคยโชคร้าย แต่หากคุณรู้วิธีในการใช้ความล้มเหลวให้เป็น คุณก็มีแนวโน้มที่จะยึดมั่นในเป้าหมายและบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะการเป็นอิสระในชีวิตหรือการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไม่ได้มีไว้สำหรับคนใจเสาะ เพราะการบรรลุเป้าหมาย ต้องอาศัยการทำงานหนัก ความทุ่มเท และความเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย แม้จะต้องใช้เวลาไปสักหน่อย แต่คุณจะทำสำเร็จได้นี่คือเรื่องจริง
ที่มา : https://shorturl.asia/oZPG
