5 วิธีออกจาก Safe Zone ที่ชื่อว่า “กลัวความรับผิดชอบมีมากขึ้น”

2084

เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราทุกคนมักหยุด และเลิกเคลื่อนไหวที่จะทำอะไรบางอย่าง และเลือกที่จะอยู่ใน Safe Zone ของตัวเองต่อไป เพียงเพราะ “เคยชิน” และรู้สึกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว หากต้องทำอะไรใหม่ๆ ก็กลัวความท้าทาย และที่สำคัญคือ กลัวว่าตัวเองจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น หรือที่เรียกว่า “งานหนักขึ้น” นั่นเอง

แม้ดูจะเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ส่งผลอะไรร้ายแรงในทันที แต่เชื่อเถอะว่าในอนาคตของคุณมันส่งผลแน่ โดยเฉพาะ “ความก้าวหน้าและการเติบโตในหน้าที่การงาน” แล้วคุณจะเอาชนะความกลัว แล้วออกมาจาก Safe Zone ของตัวเองได้อย่างไร? วันนี้เรามีวิธีมาฝาก

1. ทำให้มันกลายเป็นคติประจำใจของคุณ

เชื่อว่า “คติประจำใจ” เป็นสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนมี เพื่อเป็นทั้งข้อคิด แรงบันดาลใจ เป็นที่ยึดถือในการขับเคลื่อนชีวิตหรือทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงเป็นตัวจุดกำลังให้ “กล้า” เผชิญหน้าและทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งในเมื่อคุณไม่กลัวและไม่กล้าก้าวออกมาจาก Safe Zone ดังนั้น เพื่อให้คุณกล้าออกมาจากกรอบที่คุณตีเอาไว้ อาจเริ่มจากการเปลี่ยนมันให้กลายเป็น “คติประจำ” แล้วเริ่มลงมือทำตามคติประจำใจ พยายามออกจากพื้นที่ของคุณไปในพื้นที่ใหม่ ๆ คนใหม่ ๆ

จงจำไว้ว่า รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมักจะอยู่ข้างหลังประตูที่เรากลัวมากที่สุด อย่าคิดว่าความรับผิดชอบที่มากขึ้น จะทำให้คุณเหนื่อยขึ้นอย่างเดียว เพราะหากมองอีกแง่นึง นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีของคุณอีกโอกาสนึง โดยเฉพาะความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถ้ามัวแต่กลัว ไม่กล้า ก็อาจพลาดรางวัลหรือโอกาสที่ดีที่กำลังมาหาคุณไป เมื่อเจอเรื่องยาก พยายามอย่าเลี่ยง แต่จงพุ่งเข้าใส่ ช่วงแรกอาจจะยากหน่อย แต่เมื่อคุณได้ทำมันบ่อย ๆ ได้เรียนรู้ หรือทำมันสำเร็จ แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อสะสมในใจคุณไปเรื่อย ๆ คุณจะหลุดพ้นจากความกลัวในเรื่องนี้แน่นอน

2. จงทำให้เป็นความรับผิดชอบส่วนตัว ที่ต้องทำ!

เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเองเสมอ ดังนั้น วิธีที่จะก้าวผ่านความกลัวนี้ไปได้ดีที่สุด ก็คือ รับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นสิ่งที่ยากหรือง่าย อยากทำหรือไม่อยากทำ แต่ให้คิดว่า “ต้องทำ” หากคุณสามารถเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยความคิดนี้ และสามารถทำได้อย่างดีที่สุดในทุก ๆ วันแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่นั่นหมายความว่า ความตั้งใจที่จะเอาชนะความกลัวความรับผิดชอบของคุณสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง

3. เปลี่ยนมุมมอง

ไม่สำคัญว่างานที่ได้รับมอบหมายเพิ่ม จะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ ชอบหรือไม่ชอบ แต่เมื่อคุณได้รับมอบหมายให้ต้องเป็นคนดูแล สิ่งที่ควรทำคือ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่องาน และตัวเอง หากยิ่งเป็นงานยาก คุณยิ่งต้องพยายามทำและผ่านไปให้ได้ ถ้างานแรกผ่านไปได้ งานที่สอง หรือสาม คุณก็จะผ่านมันไปได้ โดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือยากลำบากอะไร ตัวอย่างเช่น คุณได้รับโอกาสให้เป็นคนควบคุมดูแลโปรเจกต์ใหญ่ของบริษัท แต่คุณไม่เคยทำมาก่อน และกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี และอาจทำให้บริษัทเสียลูกค้าหรือชื่อเสียง หยุดคิด! แต่จงคิดว่า ฉันจะต้องทำโปรเจกต์ให้ดีที่สุด เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด

4. ในเมื่อเจอสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่ “ต้องทำ” ก็ควรรีบทำให้มันเสร็จ ๆ ไป

เมื่อไรก็ตามที่คุณติดอยู่กับความกังวล คร่ำครวญถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มันไม่มีอะไรดี มีแต่จะทำให้คุณไม่มีความสุขทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันเมื่อไรก็ตามที่คุณกำลังเผชิญกับความยากลำบาก “ต้องทำ” ในสิ่งที่ “ไม่อยากทำ” แทนที่คุณจะมานั่งกังวล หรือกลัวไปก่อน ควรเอาเวลาไปจัดการสิ่งนั้นให้มันจบ ๆ ไปไม่ดีกว่าหรอ?

อย่างน้อยคุณก็จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้น แทนที่จะเสียเวลา การทำแบบนี้บ่อย ๆ ในตอนที่ “กำลังทำ” อาจจะฝืนๆ ไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าในขณะเดียวกันคุณก็กำลังได้ฝึกฝน สิ่งนี้ในทุกวัน เพราะการที่คุณสามารถจัดการเรื่องยากให้ผ่านพ้นในแต่ละวันไปได้ก่อน นั่นก็ถือว่าคุณสามารถเอาชนะความกลัวของตัวเองไปได้แล้ว

5. เลือกวิ่งกับสิงโต หรือก็คือ จงเลือกอยู่กับคนที่ “เพิ่มพลัง” ให้คุณ และเห็นศักยภาพในตัวคุณ

หากคุณรู้สึกว่ากำลังอยู่ในแวดล้อมที่ทำให้พลังงานในตัวคุณลดลง รู้สึกถูกดึงลง หรือถูกจำกัดสิ่งต่าง ๆ จากคนอื่นอยู่เสมอ และคุณเริ่มซึมซับพลังงานด้านลบจากพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จงรีบหาทางออกมาให้เร็วที่สุด จำไว้ว่า ถ้าคุณอยากเป็นคนแบบไหน ก็ต้องไปอยู่หรือใช้เวลากับคนเหล่านั้น แล้วซึมซับสิ่งดี ๆ ที่คุณต้องการจากพวกเขา โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังกลัวความรับผิดชอบจะมีมากขึ้นในชีวิต เพราะถ้าคุณยิ่งอยู่ใกล้กับคนที่กลัวเหมือนคุณ ไม่กล้าทำอะไรนอกกรอบที่เคยทำ ทั้งคุณและเขาก็จะติดอยู่ในความกลัวนั้นด้วยกัน

ในขณะเดียวกัน หากคุณได้ไปอยู่กับคนที่มีพลังงานบวก มีทัศนคติต่องานหรือความรับผิดชอบที่เป็นไปในทิศทางที่ดี เช่น มองว่างานยากคือ ความท้าทาย หรือมองว่า งานยุ่ง คือ จุดเริ่มต้นของความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นต้น เมื่อไรก็ตามที่คุณพบว่าตัวเองมีพลังงาน มีความสุข และมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนมากขึ้นหลังจากอยู่ใกล้ ๆ กับใครบางคน ถือว่าคุณมาถูกทางแล้ว

อย่ากลัวที่จะทำต้องเผชิญหน้าการเปลี่ยนแปลง อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ และที่สำคัญอย่ากลัวที่จะ “กลัวตัวเองมีความรับผิดชอบมากขึ้น” จงก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ พาตัวเองออกไปเจอโอกาสใหม่ ๆ อย่าจมอยู่กับความคิดแย่ ๆ ที่สุดท้ายจะกลายมาเป็น “พิษ” ทำร้ายความรู้สึกและความเชื่อมั่นในตัวเอง เมื่อคุณสามารถก้าวออกจาก Safe Zone หรือสิ่งเดิม ๆ ได้ เชื่อเถอะว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากขึ้นในชีวิตแน่นอน

ที่มา :