สำหรับผู้ที่ชอบหาเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ มาตกแต่งบ้าน เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก สินค้าเฟอร์นิเจอร์ ในแบรนด์ เอสบี เฟอร์นิเจอร์อย่างแน่นอน ธนทัต ชวาลดิฐ หรือคุณเด่น กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ จำกัด ทายาทผู้รับช่วงต่อการทำธุรกิจของครอบครัวที่มีมานาน และน้องชายทั้ง 3 คนร่วมกันต่อยอดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของครอบครัวให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
เอสบี เฟอร์นิเจอร์มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณพ่อของคุณเด่น คุณสุรพล ชวาลดิฐ ที่พยายามดิ้นรนทำงานหลายอย่าง ทั้งค้าขายและรับจ้าง จนกระทั่งได้มาฝึกเป็นช่างไม้
เมื่อเริ่มทำอย่างชำนาญมากขึ้นก็ออกมาทำร้านเป็นของตัวเอง และได้รับความนิยมจากลูกค้าในการทำเฟอร์นิเจอร์เป็นอย่างดี จนกระทั่งในช่วงหนึ่ง ครอบครัวต้องพบกับวิกฤติเนื่องจากไฟไหม้ร้าน ทำให้ร้านเกิดหนี้สินหลักหลายล้าน มีเพียงประกันอุบัติเหตุที่พอจะบรรเทาหนี้สินได้บ้าง
หลังจากนั้นครอบครัวก็ได้ย้ายจากสถานที่เดิมมาเปิดในสถานที่ใหม่ ถัดมาอีก 1 ปี ร้านต้องเจอกับภาวะวิกฤติน้ำท่วมร้านซ้ำอีกต่อ แต่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของคุณเด่นก็ยังยืนยันว่าพร้อมที่จะสู้ต่อ
ผลลัพธ์จากความอดทนสู้ในวันนั้น จึงทำให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ได้รับความไว้วางใจเรื่อยมาจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนมาถึงทายาทเช่นเขา คุณเด่นได้รับช่วงต่อในการเป็นผู้นำในธุรกิจ ซึ่งเขาก็สามารถพัฒนาธุรกิจให้ก้าวสู่แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในใจของคนรักการตกแต่งบ้านได้ทั่วประเทศ
คุณเด่น มีแนวดี ๆ อย่างไรบ้าง จึงทำให้ในวันนี้ธุรกิจเอสบี เฟอร์นิเจอร์ ได้ผงาดเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วประเทศ เรามาติดตามแนวคิดของคุณเด่นกันครับ
1. ความซื่อสัตย์เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ
“คีย์เวิร์ดสำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์”
คุณเด่นเชื่อว่าความซื่อสัตย์ที่เขามีต่อลูกค้าตลอดมานั้น เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้การทำธุรกิจของเขาเดินไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ ความจริงใจเลือกสิ่งที่ดีให้กับลูกค้า และการให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ลูกค้ามีความประทับใจจนเกิดกระแสการบอกต่อถึงคุณภาพปากต่อปากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
2. ปัญหาแก้ได้ หากเราไม่ยอมแพ้
“คุณพ่อคุณแม่เขาจะมีทางเลือกสองทางตลอด คือ จะหยุด หรือจะเดินหน้าทำต่อ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เสียงหนักแน่นเลยว่า ทำต่อ สู้ และสู้ไม่ถอยที่จะทำต่อไป คุณแม่บอกว่า ปัญหาทุกอย่างต้องแก้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
คุณเด่นได้กล่าวถึงคำสอนของคุณพ่อและคุณแม่ในเรื่องของความอดทน สู้ ไม่ยอมแพ้ ที่คุณเด่นได้นำมายึดถือใช้บนเส้นทางการทำธุรกิจตลอดมา
3. ไม่ลืมผู้ที่ช่วยเหลือในยามวิกฤติ หากมีโอกาสต้องแทนคุณ
“เราได้เห็นว่า จริง ๆ ในวิกฤติ คนที่จะอยู่กับเรา คนที่จริงใจและรักเรา ช่วยกันจริง ๆ เนี่ย มีไม่กี่คน เป็นใครบ้าง จะเห็นทุกวันนี้คุณแม่ยังจำชื่อได้แม่นว่าเป็นใคร มีอะไรที่จะตอบแทนพระคุณก็ยินดีจะทำ”
คุณเด่นได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตในช่วงที่ครอบครัวต้องพบกับวิกฤติไฟไหม้ร้านในครั้งแรก ทำให้ครอบครัวได้เรียนรู้มิตรแท้ ที่พร้อมช่วยเหลือในยามที่ยากลำบาก ซึ่งเขาได้นำคำสอนของครอบครัวในเรื่องการตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นคติในการดำเนินธุรกิจตลอดมา
4. สร้างแบรนด์ให้น่าจดจำ
“ผมคิดว่า หัวใจสำคัญมันต้องแบรนด์แล้ว คุณพ่อทำขนาดนี้ ลูกค้าไม่รู้จักชื่อเนี่ยมันไม่ได้ ผมจึงสร้างแบรนด์ และโฆษณาประชาสัมพันธ์ และพยายามทำอย่างต่อเนื่องที่จะให้ชื่อเอสบีเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งแตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์โดยทั่วไป ให้มีความแตกต่างสะท้อนถึงความเป็นสินค้าดีมีคุณภาพ”
คุณเด่นมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้แบรนด์เอสบี เฟอร์นิเจอร์ เป็นแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าจดจำถึงความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าแบรนด์นี้ ให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าหากเป็นสินค้าจากเอสบี เฟอร์นิเจอร์ ลูกค้าจะได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพ
5. เก็บเกี่ยวความรู้ในการเดินทางให้มากที่สุด
“คุณพ่อผมเป็นคนที่เดินงานต่างประเทศเก่งมาก เดินไม่หยุดใช้เวลาทุกนาทีที่เดินงานแฟร์ เก็บความรู้ เก็บเทคโนโลยี เก็บเทรนด์ และจะจับลูก ๆ สอน”
คุณเด่นได้แบบอย่างการเก็บเกี่ยวความรู้จากทุกขณะที่คุณพ่อเดินทาง ทำให้ได้ซึมซับถึงความละเอียดในการสังเกตชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น ว่าชิ้นไหนมีลักษณะอย่างไร ดีหรือไม่
คุณเด่นได้รับการปลูกฝังสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้ว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ทุกสถานที่หากรู้จักสังเกตและนำไปคิดต่อยอด
6. โฟกัสกับสิ่งที่ชำนาญให้ชัดเจน
“เรามาจากเฟอร์นิเจอร์ เราอยู่กับมันมาโดยตลอด เราก็โฟกัสทำแต่เฟอร์นิเจอร์ เราคิดว่า ความชำนาญในการดู หรือการจับมันมีผลต่อการสะท้อนออกไปเป็นตัวสินค้า”
คำกล่าวของคุณเด่น ที่เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เอสบี เฟอร์นิเจอร์ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามานาน ก็เป็นเพราะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของเขามีจุดเด่นที่แตกต่าง ซึ่งมาจากความชำนาญที่เขาและครอบครัวได้ทุ่มเท โฟกัสในการทำ ฝึกฝนจนเกิดทักษะทำให้สินค้ามีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเอสบี เฟอร์นิเจอร์
ธนาทัต ชวาลดิฐ ทายาทรุ่นที่สองแห่งเอสที เฟอร์นิเจอร์ ผู้ซึ่งได้เรียนรู้จากคำสอนของคุณพ่อคุณแม่ในการทำธุรกิจ จากวิกฤติของครอบครัวที่ต้องพบหลายต่อหลายครั้ง ทำให้คุณเด่นได้ฝึกฝนความเข้มแข็งไปโดยปริยาย เห็นต้นแบบความเป็นนักสู้ของคุณพ่อคุณแม่ที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม จึงทำให้เขาประทับใจกับแนวคิดและยึดถือปฏิบัติเรื่อยมา จนสามารถพัฒนาต่อยอดธุรกิจของครอบครัวให้มีสิ่งที่แตกต่าง มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ได้รับความนิยมจากลูกค้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และในอนาคตที่เขากำลังพัฒนาให้ธุรกิจก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง