ได้เวลาเป็นเจ้านายที่ดีให้ตัวเองแล้ว! ในฐานะเจ้าของธุรกิจแน่นอนว่าต้องทุ่มเทเต็มที่ให้กับงานและลูกน้องเพื่อให้กิจการของคุณนั้นเดินหน้าไปอย่างราบรื่น ในเมื่อคุณเป็นเจ้านายที่ดีให้ลูกน้องแล้ว กลับกันคุณเป็นเจ้านายที่ดีให้กับตัวเองมากแค่ไหน? เคยให้เวลาตัวเองได้พักอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานบ้างหรือยัง? เคยไม่เข้าบริษัทแล้วปล่อยให้ลูกน้องทำงานด้วยตัวเองกันบ้างหรือเปล่า?
หลายครั้งที่คนเป็นเจ้านายมักจะรู้สึกผิดเวลาที่ไม่เข้าออฟฟิศ เพราะกลัวว่าลูกน้องจะนินทาหาว่าทำหน้าที่ได้ไม่ดี หรือมีคนอาจจะต้องการความช่วยเหลือหรือการตัดสินใจจากคุณหรือเปล่า แน่นอนว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นต้องแลกมากับหน้าที่ที่ต้องดูแลพนักงาน ค่าใช้จ่ายรายเดือน การวางแผนดำเนินกิจการให้เติบโตมากขึ้น รวมไปถึงการไม่หยุดพัฒนาเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้า และอื่นๆ อีกมากมาย
ลองหยุดสักพักแล้วถามตัวเองดูว่า คุณกำลังทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า?
เคยสังเกตมั้ยว่าการให้คำแนะนำนั้นง่ายกว่าการทำตามคำแนะนำ ในบางครั้งคุณจำเป็นต้องไว้ใจในการทำงานของลูกน้องว่าพวกเขาจะสามารถจัดการแก้ไขปัญหาในบางเรื่องเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคุณ ลองหยุดดพักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามนี้ดูสักเล็กน้อย อาจจะช่วยให้อะไรดีๆ ขึ้น
1. ออกกำลังกายเพื่อฝึกการปฏิเสธ (ช่วยเรื่องอำนาจ)
รู้สึกไหมว่าการ “เซย์โน” แอลกอฮอล์ หรือjunk food หลังจากออกกำลังกายนั้นง่ายมากกว่า ซึ่งการออกกำลังการจะช่วยให้คุณ “กล้า” ที่จะปฏิเสธสิ่งที่ “ไม่จำเป็น” ได้ง่ายมากขึ้น
เทคนิค : ไม่ถึงกับทุกวัน แค่สัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้งก็พอแล้ว
2. กินเพื่อสุขภาพ (ช่วยให้มีแรง)
‘You are what you eat.’ หลายคนทำงานหนักจนลืมใส่ใจเรื่องอาหาร บางคนแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากินอาหารกลางวันที่เป็นอาหาร ไม่ใช่ขนม, junk food หรืออาหารเวฟ มานานแค่ไหน ดังนั้นลองเปลี่ยนดูนะ
เทคนิค : กฎ 3 มื้อ – ลดการทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพให้เหลือเพียงแค่ 3 มื้อต่อสัปดาห์ หรือน้อยกว่านั้นได้ก็ยิ่งดี
3. นอนหลับให้เพียงพอ (ช่วยเรื่องความอดทน)
อืมม… อันนี้คงยากน่าดูใช่ไหม?? แต่การนอนพักผ่อนให้เพียงพอนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ลองนึกภาพการเข้าประชุมแบบที่อดนอนดูสิ คุณคงเห็นภาพชัดมากขึ้น
เทคนิค : นอนดึกไม่เกิน 1 วันต่อสัปดาห์!!
4. ออกไปหาเพื่อนหรือใช้เวลากับครอบครัว (ช่วยให้มีความสุข)
“วันนี้มีประชุม ไว้วันหลังได้ไหม?” กี่ครั้งแล้วที่คุณพูดคำนี้ ยิ่งถ้ากับเพื่อนฝูงเมื่อคุณพูดครบ 3 ครั้ง ก็จะไม่มีการชวนอีกในครั้งหน้า คุณก็จะเริ่มออกห่างจากสังคม แม้แต่คำถาม “เป็นไงบ้าง?” ก็กลายเป็นเรื่องน่ากลัว และส่งผลต่อการเข้าสังคมได้ในอนาคต
เทคนิค : ออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ อย่างน้อย 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ (ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าดีต่อสุขภาพ)
5. หาเวลาอยู่คนเดียว (ช่วยให้ความคิดชัดเจนขึ้น)
อาจจะงงว่าตอนแรกให้ไปเจอเพื่อ ตอนนี้จะให้อยู่คนเดียว ใช่แล้ว แต่หมายถึงสภาพแวดล้อมในการทำงาน หลายครั้งที่คุณเข้าทำงานที่บริษัทแล้วพูดคุย สอบถาม หรือให้คำแนะนำกับคนอื่นๆ มากมาย ซึ่งมันจะทำให้คุณไม่ได้มีเวลาใความคิดหรือไตร่ตรองสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ ดังนั้นลองหาเวลาออกไปข้างนอกบริษัทใช้เวลาอยู่คนเดียวดูบ้างสิ
เทคนิค : ลองเดินหรือหาที่บรรยากาศดีๆ อยู่คนเดียว โดยไม่ใช้โทรศัพท์ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ (หมายถึงไม่มีการฟัง Podcast ด้วยนะ!)
6. หาคอร์สฝึก/อบรม (ช่วยเพิ่มทักษะ)
บริษัทมักจะจัดหาคอร์สอบรมต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างดีที่สุด แล้วในฐานะ CEO ล่ะ คุณคือหนึ่งในคนที่สำคัญและมีค่าอย่างมากของบริษัทนะ! ลองหาคอร์สฝึกอบรมต่างๆ ให้กับตัวเองดูสักหน่อยสิ
เทคนิค : ลงทุนในหลักสูตรอบรมเพื่อเพิ่มทักษะด้านต่างๆ ของตัวเองทุกๆ 3 เดือน
7. วันหยุด (ช่วยเรื่องทัศนคติ/มุมมอง)
รู้หรือไม่? ว่าเจ้าของบริษัท ได้รับอนุญาตให้ลาพักร้อนได้ด้วยนะ! หนึ่งสิ่งที่หายากที่สุดคือ ทัศนคติ/มุมอง ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ให้ระยะห่างระหว่างตัวคุณกับบริษัท… แล้วคุณจะตกใจกับประสิทธิภาพการทำงานของลูกน้องเมื่อไม่มีคุณ
เทคนิค : พักร้อนสัก 2 สัปดาห์ ในทุกๆ 6 เดือน (ที่ยุโรปทุกคนมีสิทธิ์นี้)
ถึงเวลาแล้วที่จะ “ปฏิเสธ” การประชุมที่ไม่จำเป็น ลองดูปฏิทินนัดประชุมดู แล้วพิจารณาว่ามันสำคัญและมีประโยชน์แค่ไหน ถ้าไม่มีคุณพวกเขาสามารถประชุมกันได้ไหม เพียงเพราะได้รับเชิญ ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเข้าร่วมทุกครั้ง ฝึกการ ปฏิเสธ ในเรื่องที่ไม่จำเป็น แล้วทำตามคำแนะนำข้างต้นเพื่อใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น สู้ๆ นะ พวกเราเป็นกำลังใจให้!! ❤ ❤
ที่มา : https://bit.ly/3DXXIct