ยุคนี้การสื่อสารเรื่องราวเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคิดและถ่ายทอดกัน VDO Content เป็นอีกเทรนด์ที่หลายแบรนด์นิยมทำกัน ซึ่งด้วยคอนเทนต์ที่มากมายในหน้าฟีดจะมีวิธีการใดให้ดึงดูดผู้ชมได้ โดยในสัมมนา ‘BIG CAMERA FESTIVAL 2021 ‘MY CAMERA MY LIFE’ ที่ผ่านมา คุณอีฟ – ภัทรัดจารินท์ สุวัชรานนท์ Founder สาวแห่งบริษัท ชุ่มฉ่ำ Branding ซึ่งคร่ำหวอดในการผลิต VDO Content ให้กับองค์กรต่างๆ และยังเป็นผู้คิดค้นเทคนิคการเล่าเรื่องให้ทรงพลังด้วยแนวทาง ‘เล่าเรื่อง 3 นาทีให้ได้ใจคน’ เธอได้มาแบ่งปันประสบการณ์การผลิตเนื้อหาคอนเทนต์ให้น่าสนใจ พร้อมเปิดเผยเคล็ดลับในการผลิต VDO Content แนว Exclusive Interview จนให้ลูกค้าอินและอยากอุดหนุน
VDO Content เครื่องสร้างตัวตัวที่สำคัญของ SMEs ยุคใหม่
ทุกวันนี้หันไปทางไหนก็ได้ยินผู้ประกอบการต่างเอ่ยกันว่า อยากทำ VDO Content บ้างก็ทักถามว่าทำ VDO Content หรือยัง แต่ไม่น้อยเลยที่ยังอาจจะสงสัยว่า VDO Content มีความสำคัญอย่างไรกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs
คุณอีฟ ภัทรัดจารินท์ ได้อธิบายเอาไว้ซึ่งชวนให้คิดตามว่า VDO Content เป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการที่จะสร้างตัวตนได้ไวที่สุด และทำได้ในหลากหลายมิติ หากเทียบ Content ประเภทอื่น ฉะนั้น ผู้ประกอบการควรจะต้องเอาตัวเองออกมาหน้ากล้อง เพราะว่าคนเราจะรู้จักคนหนึ่งได้ ต้องเห็นทั้งภาพ การเคลื่อนไหว และเสียง ซึ่ง VDO Content คือสิ่งที่จะตอบโจทย์
สำหรับการนำเสนอ VDO Content นั้น ทาง ชุ่มฉ่ำ Branding แบ่งออกเป็น 3 หมวด
1. VDO Intro เป็นวิดีโอแนะนำตัวของผู้ประกอบการให้คนทั่วไปได้รู้จัก ซึ่งควรปักหมุดไว้บนโพสต์แรกเลย ทั้ง Facebook และ Youtube
2. VDO Value คือวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวคิดหรือ Vission ของผู้ประกอบการ
และ 3. VDO Marketing ซึ่งเป็นวิดีโอโฟกัสในการเพิ่มยอดขาย
โดยผู้ประกอบการควรจะต้องทำ VDO Content ทั้ง 3 รูปแบบลงในสื่อโซเชียล มีเดีย ที่ตัวเองมีอยู่ เพราะแต่ละหมวดนั้นส่ง Message ออกไปไม่เหมือนกัน
หากต้องการสร้างยอดขาย ให้ทำ VDO Marketing
หากต้องการให้ได้ใจคน ต้องทำ VDO Value บ่อยๆ
แต่ถ้าต้องการสร้างแบรนด์ ควรมีท้ัง 3 รูปแบบ
เล่าเรื่องยังไงให้ทรงพลัง เพียง 3 นาทีให้ได้ใจคน
สิ่งที่สร้างชื่อให้ คุณอีฟและ ชุ่มฉ่ำ Branding คือการทำ VDO Content ในแบบเฉพาะของตัวเองที่เรียกว่า ‘เล่าเรื่อง 3 นาทีให้ได้ใจคน’ อันเกิดจากการสะสมความรู้ที่ลงมือทำจริง ได้ผลจริง มาปรับใช้กับการถ่ายทอดเรื่องราวของธุรกิจต่างๆ โดยเทคนิคดังกล่าวไม่ได้ใช้เพียงแค่ VDO Content ได้เท่านั้น แต่สามารถนำไปปรับใช้กับการสื่อสารได้ทุกรูปแบบ
แล้วทำไมต้อง 3 นาที เวลา 3 นาทีนี้มีความสำคัญอย่างไร
คุณอีฟได้เฉลยจากแนวคิดที่เรียบง่าย แต่ทว่าทรงพลังเป็นอย่างมาก เอาไว้ว่า “สมมติเวลาคุณอยากจะนำเสนอตัวเองให้ใครฟัง คนเขาอาจจะมีเวลามาฟังไม่มาก ซึ่ง 3 นาทียาวพอดีกับเพลงหนึ่งเพลงจบ”
เมื่อเจาะลึกถึงขั้นตอนการคิดประเด็นทำ VDO Content ให้คมบาดใจมากพอ เนื้อหามีความเข้มข้น เป็น 3 นาทีที่ผู้ชมอยากติดตามจนจบและให้ได้ใจคน คุณอีฟมีกระบวนการคิดอย่างไรบ้าง โดยเธอได้นำประสบการณ์ตรงมาแชร์เป็นไอเดียให้ผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้ดังนี้
VDO Intro วิดีโอแนะนำตัวซึ่งเป็นสิ่งควรทำเป็นพื้นฐาน เพราะเหมือนเป็นนามบัตรของเรา แต่การที่จะเจาะตัวตนของแต่ละคนได้ ต้องมีคำถามที่ดึงตัวตนของเขาออกมา ซึ่งการคิดประเด็นนั้นหลักๆ ก็มีองค์ประกอบ 3 ข้อ
1. ‘สิ่งที่เขาทำอยู่เขา Expert’ จริง เป็นการถามเกี่ยวกับเคล็ดลับ ซึ่งถ้าสามารถอธิบายได้อย่างง่าย แปลว่าคนนี้ถือเป็นตัวจริงในวงการ
2. ‘เรื่องราวของเขา’ เรื่องราวกว่าที่จะทำสิ่งนี้ได้ผ่านอุปสรรคอะไร เพราะคนจะเห็นว่าภาพเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว แต่ไม่รู้ว่ากว่าจะมาเป็นวันนี้ต้องเจออะไร จึงต้องดึงมาเล่าให้รับรู้ด้วย
3. ‘สิ่งที่เขายึดถือคืออะไร’ เปรียบเสมือนคุณธรรมที่ผู้ประกอบท่านนี้มี ซึ่งทุกคนอยากร่วมงาน อยากอุดหนุนคนดีมีคุณธรรมอยู่แล้ว
ซึ่งองค์ประกอบในการทำ VDO Intro ก็เหมือนทำภาพยนตร์สักเรื่องนั่นเอง
ส่วน Marketing Content ให้ได้ใจคนจนปิดการขายได้นั้นมีองค์ประกอบ 2 ข้อ
1. ‘คนเราไม่จะซื้อกับคนที่ไม่ไว้ใจ’ จะทำอย่างไรให้ไว้ใจ คอนเทนต์ตัวแรกคือต้องเปิดใจให้ได้ อาจจะให้ความรู้ ให้เทคนิค ให้วิธีการก่อน เพื่อให้คุ้นเคยคือมีรู้เรื่องจริง แต่ถ้าไม่ให้ประโยชน์ในเชิงให้ความรู้ คอนเทนต์นั้นต้องเปลี่ยนอารมณ์ให้ได้ แต่อย่าใช้หลักการเยอะเกินไป ควรพยายามหาเรื่องเล่าที่เซอร์ไพร์สสุดๆ เกี่ยวกับสินค้า เช่น มีคนใช้สินค้า A สมมติเป็นนวดหน้าเรียวก็พยายามคัดเคสของคนที่ได้ผลลัพธ์ ถ้าไม่พีคที่สุด ก็ต้องแอบมีความดราม่าหน่อยๆ มาเล่า เป็นต้น
2. ‘หาเคสรีวิวตบท้าย’ รีวิวที่ทรงพลังที่สุดก็ต้องมาจากคนที่ใช้แล้วเห็นผลจริง แล้วไม่ใช่แค่จะบอกว่าดีมาก แต่ต้องขยี้ไปถึงจุดที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากที่ใช้สินค้านี้ เขาเลยนิยมเหมือนคนเอามานั่งสัมภาษณ์ แล้วการสัมภาษณ์ต้องไม่ดูปลอม อันนี้สำคัญมาก ยุคนี้ให้ค่ากับความจริงมากๆ ฉะนั้น VDO Marketing ที่ทรงพลังที่สุด ต้องจริง ต้องเห็นภาพชัดที่สุด

เคล็ดลับการเรียงเนื้อหาให้ผู้ชมอินจนอยากอุดหนุน
ในการทำ VDO Content นอกจากเล่าคิดประเด็นที่จะให้ได้ซึ่งเนื้อที่เข้มข้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องนึกถึงคือการเรียงเนื้อหาการเล่าเรื่องราว จะทำอย่างไรให้ผู้ชมอินจนอยากอุดหนุนเรา นำไปสู่การสร้างยอดขายได้ มีอะไรเป็นหัวใจหลักบ้าง
โดยทั่วไปการจัดเรียงเนื้อหาก็จะมีอยู่ 3 ส่วนหลักๆ เปิดเรื่อง เนื้อเรื่อง และการปิดเรื่อง ซึ่งการเปิดเรื่องนั้นก็จะมีเรื่องท้าทายไม่น้อย อย่างใน Youtube เพียง 5 วินาทีคือเวลาเฉลี่ยที่คนตัดสินใจจะดูโฆษณาต่อหรือไม่ หรือใน Facebook 6 วินาทีคือเวลาตัดสินใจว่าจะดูวิดีโอต่อหรือไม่ แล้วจะมีวิธีผ่านด่านตัวเลขนี้อย่างไร
คุณอีฟได้ให้เคล็ดลับวิชาในการฝ่าด่านว่า ขึ้นต้นต้องทำให้สะดุ้ง ต้องมีหัวข้อที่จะเล่าก่อน เช่น ถ้าเป็นวิดีโอสัมภาษณ์ ก็จะเลือกจากเนื้อคำที่เขาพูดออกมา หรือถ้าเป็นการคิดในรูปแบบสคลิปต์ก็มีหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ 6 หมวด
1. กบฏ เป็นแนวย้อนแย้ง อะไรก็ตามที่เป็น Conflict เช่น คนส่วนเข้าใจผิดคิดว่า… เป็นต้น
2. กั๊ก ตัวอย่างเช่น สมมติว่าจะเผยเทคนิคอะไรบางอย่าง เทคนิคจะสอบให้ได้ A คือ! เป็นต้น
3. สุนทรภู่ เป็นการอุปมาอุปไมย เช่น การทำธุรกิจก็เหมือนกับ…
4. จี้อารมณ์ ในที่นี้หมายถึงอารมณ์หลง เช่น จี้ให้เขากลัว เป็นต้น
5. รับประกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณฟังคลิปนี้จบคุณจะไม่ต้องจ่ายค่าหาหมออีกเลย เป็นต้น
6. การตั้งคำถามให้ขนลุก
ส่วน เนื้อหาตรงกลาง คือต้องเล่าให้ตรงประเด็นในสิ่งที่จะพูด หยิบมาแค่ 1 Pain Point เท่านั้น เพื่อไม่ให้เนื้อความมันซ้ำ ซึ่งหลาย VDO ที่เวิ่นเว้อ เพราะว่ามีประโยคความซ้อนสองประโยคอยู่ด้วยกัน เนื้อหาเรื่องเลยยาว โดยในการปรุงคอนเทนต์ จะมีเนื้อหาสองส่วนคือ Need to Know กับ Nice to Know
ส่วนใหญ่จะใส่ Nice to Know เยอะเกินไปการเล่าเรื่องจึงให้ความรู้สึกว่าเวิ่นเว้อ ซึ่งก็คือเนื้อหาที่คนไม่จำเป็นต้องรู้ แต่แค่อยากพูด เลยทำให้เรื่องราวไม่เข้มข้น
ฉะนั้น จึงควรคัดเพียงเรื่องราวแบบ Need To Know คือต้องรู้จริงๆ
และ สุดท้ายการ Call To Action ควรพยายามเลือกช่องการติดต่อเพียง 1 ช่องทางเท่านั้น ถ้าเกินกว่านี้ะรู้สึกสับสน
เทคนิคการทำ VDO Content แนวสัมภาษณ์
การทำคอนเทนต์สัมภาษณ์เพื่อสร้าง Personal Brand เสมือนเป็นดีเอ็นเอของ ชุ่มฉ่ำ Branding เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาได้ช่วยให้การนำเสนอเรื่องราวขององค์กรต่างๆ ทั้งน้อยใหญ่ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างไร
หากจะว่าไปเรื่อง VDO Content แนวสัมภาษณ์ ก็ถือว่าได้รับความนิยมในแง่ของการรับชมอยู่ไม่น้อย หากเลื่อนนิ้วผ่านหน้าจอ YouTube หรือ Facebook ก็จะเห็นคอนเทนต์แนวอย่างมากมาย ซึ่งถ้าผู้ประกอบการสนใจที่อยากจะผลิตเนื้อหา VDO Content ของตัวเอง แน่นอนก็ย่อมจะทำได้
ซึ่ง คุณอีฟ แห่ง ชุ่มฉ่ำ Branding ได้แบ่งปันเทคนิคการผลิต Content สัมภาษณ์เอาไว้ดังนี้
1. ‘ต้องมีการละลายพฤติกรรมก่อน’ คือเราจะไม่สามารถได้คอนเทนต์ที่ดีเลย ถ้าเกิดว่าคนให้สัมภาษณ์ไม่รู้สึกปลอดภัย ซึ่งผู้ที่ถามต้องมีการละลายพฤติกรรมก่อน โดยอาจจะคุยสัพเพเหระ หรือรู้จักเทคนิคการ Rapport (แรพพอร์) คือการที่ผู้ถูกสัมภาษณ์เขาเป็นอย่างไรก็พยายามหาจุดลิงก์ให้ได้ เช่น เขาอยู่จังหวัดนี้ เราก็อยู่จังหวัดนี้เหมือนกัน พูดคุยตัวแรกให้รู้สึกว่าไว้ใจได้ ถ้าทำได้เนื้อหาจะเป็นธรรมชาติ
2. ‘กด Record ก่อน’ แต่ไม่ต้องคาดหวังเนื้อหาใน 1-2 นาทีแรก เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่มีกล้องตั้ง มีคนถาม ควรถามสัพเพเหระที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระก่อน แล้วดูจังหวะว่าผู้ถูกสัมภาษณ์เครื่องติดแล้วหรือยัง ถ้าเครื่องติดแล้วก็ยิงคำถามไฮไลต์ได้เลย ซึ่งไม่ควรยึดติดกับกระดาษคำถามที่เตรียมมาเกินไป ต้องคอนเนกต์กับผู้ที่สัมภาษณ์ ซึ่งถ้าเจอเม็ดคำที่ขยายต่อได้ เป็นมุมมองที่คนอยากได้ยินก็ซูมอินเข้าไปอีก จะทำให้ได้เนื้อหาที่เข้มข้นได้
3. ‘พยายามอย่าตึงหรือเกร็ง’ ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์นั่งนิ่งก็พยายามขยับตัวออกท่าทางหรือใช้ไม้ใช้มือ เพื่อให้วีดีโอมีพลัง ไม่ทื่อ ไม่เรียบ ที่สำคัญที่สุดหูของคนกำกับวิดีโอต้องตั้งใจฟัง แล้วอะไรที่หลักการเกินไป ก็ต้องใส่น้ำหนักให้น้อยลง เพราะคนไม่อยากฟัง ให้เลือกอะไรที่เห็นภาพตัวอย่าง ถึงจะได้คอนเทนต์ที่น่าฟัง
คอนเทนต์ดีช่วยทำให้ยอดขายจริง
“มันคือ One Miracle ที่มีอยู่จริง ถ้าคอนเทนต์ที่คุณสร้างโดน Pain Point จริง มันพลิกได้” คุณอีฟตอบอย่างชัดถอยชัดคำเมื่อถามว่าคอนเทนต์ดีช่วยทำให้ยอดขายได้จริงหรือ
โดยเธอยังได้ยกตัวอย่างจากการที่ถ่ายทอดความรู้ ‘เล่าเรื่อง 3 นาทีให้ได้ใจคน’ ว่า เมื่อก่อนมีท่านหนึ่งขายรถ ซึ่งก็โพสต์ถ่ายภาพทั่วไป ก็ได้รายได้ประมาณหนึ่ง จนเมื่อได้นำหลักการทำ VDO Content ไปใช้ เมื่อช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่า ถึงยอดวิวจะไม่เยอะมาก แต่ว่าตรงกลุ่ม เพราะยิ่งของ (รถยนต์) แพง คนก็อยากเห็นหน้าคนพรีเซนต์ คือได้พูดคุย ได้พรีเซนต์ให้ดูว่าสามารถปรับเบาะนอน ก็ยิ่งช่วยกระตุ้นอารมณ์อยากซื้อมากขึ้น ซึ่งต่อให้อยู่ไกลแค่ไหน ถ้าเกิดความไว้ใจแล้วก็จะเดินทางมา โอนเงินจองมา จากพลังของการเห็นหน้า เพราะมันเรียลและจริงใจ แถมยังมีแฟนคลับด้วย
“การที่จะทำให้คนดูสนใจ หลายคนติดกับดักที่ยอดวิว ควรสนใจว่าคอนเทนต์ที่สร้างมาถึงยอดวิวจะหลักพันแต่ไปสร้างยอดหลักแสน หลักล้าน แบบนั้นสำคัญกับธุรกิจมากกว่า เราทำธุรกิจเพื่ออะไร ถ้าเพื่อสร้างกำไร เราก็คงต้องโฟกัสที่การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย”