VDO Content เงินล้าน! SMEs ก็ทำได้ด้วยอุปกรณ์และเทคนิคการตัดต่อแบบมืออาชีพสไตล์ ‘โปรยุง’

408

โลกออนไลน์ในปัจจุบันเลื่อนหน้าฟีดก็จะพบว่าแบรนด์ต่างๆ โพสต์ VDO Content เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของตัวเอง แต่มีตัวเลขที่ชวนให้คิดตามว่ามีเพียง 10% เท่านั้นที่รู้วิธีใช้ VDO เพื่อเพิ่มยอดขาย ในสัมมนา ‘BIG CAMERA FESTIVAL 2021 ‘MY CAMERA MY LIFE’ ที่ผ่านมา จึงได้มีการชวน Producer ยุง – พยุงศักดิ์ เสริมสันตวาณิช กูรูด้านการตัดต่อและเจ้าของเพจโปรดิวเซอร์ยุง ที่มีผู้ติดตามกว่า 5.5 แสนคน มาแบ่งปันไอเดียและเทคนิคการสร้างสรรค์งาน VDO Content ที่จะเปลี่ยนวิดีโอให้เป็นเงิน เพิ่มยอดขาย เพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ โดยเจาะลึกตั้งแต่กระบวนการสร้างสรรค์ในขั้นตอนการคิด การผลิต และเทคนิคการตัดต่อ VDO เพื่อให้ได้คอนเทนต์ที่ดึงดูดใจลูกค้า รวมไปถึงคำแนะนำเรื่องอุปกรณ์สำหรับ SMEs เพื่อการครีเอท VDO Content ในแนวทางของตัวเอง

ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อทำ VDO Content

ก่อนจะล้วงลึกถึงวิธีการสร้างสรรค์ VDO Content เพื่อเปลี่ยนวิดีโอให้เป็นเงิน เพิ่มยอดขาย เพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ เชื่อว่าคงมีคำถามที่หลายคนอยากทราบกันว่า ถ้าจะไปจ้างผลิต VDO Content ความยาวเนื้อหา 3-5 นาที ต้องมีเงินเท่าไร 

เรื่องนี้ Producer ยุง หรือโปรยุง อธิบายว่า ถ้าหากจ้างมือสมัครเล่น 1 คลิป สนนราคาอยู่ที่ 3,000-5,000 บาท แต่ในชีวิตจริง เราไม่ได้ทำโปรโมตเพียงแค่คลิปเดียวแล้วจบ เนื่องจากเดือนหนึ่งต้องนำเสนออย่างน้อยๆ 10 คลิป 

โดยข้อเสนอนแนะสำหรับ SMEs หากไปจ้างผลิต VDO Content 

ข้อ 1 ราคาแพง 

ข้อ 2 ซัพพลายเออร์อาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการได้ เพราะไม่รู้จักคุณสมบัติสินค้าดีเท่ากับเราเอง 

“แต่ละบริษัทจะมีหน่วยบัญชี หน่วยพนักงานขาย เจ้าของหรือ CEO แล้วต้องมีหน่วยอีกหน่วยหนึ่งขึ้นมา เป็นหน่วยใหม่ของแต่ละองค์กร ผมเรียกว่าหน่วยพีอาร์ ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ มีอยู่แล้ว สำหรับการโปรโมท เพราะว่าการโปรโมทเป็นการไปหาลูกค้า การสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร แต่ส่วนใหญ่คิดว่าพีอาร์คือคนเขียนข่าว คนสวยๆ ไปดีลธุรกิจ ซึ่งสำหรับผม หน่วยพีอาร์คือหน่วยหาเงินเลย ดังนั้นอาจจะต้องตั้งหน่วยนี้เป็นหน่วยอินเฮาส์ในบริษัท แล้วต้องมีอุปกรณ์ซัพพอร์ตเขา ผมบอกลูกค้าว่าซื้อเองเถอะ เพราะปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาไม่แพง”

โปรยุงยังได้อธิบายเสริมเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนอีกว่า เมื่อก่อนกว่าจะมีปัญญาครอบครองกล้อง ไฟ หรือกระทั่งสตูดิโอ ต้องเป็นธุรกิจใหญ่เท่านั้น เช่น RS Grammy Workpoint เป็นต้น แต่ว่าปัจจุบันมีงบประมาณเริ่มต้น 50,000 บาท ก็สามารถมีสตูดิโอของตัวเองได้ 

งบ 5 หมื่น ต้องลงทุนอุปรกรณ์อะไรบ้าง

เมื่อการสร้างหน่วยพีอาร์เป็นอินเฮาส์กำลังจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการดำเนินธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน คำถามต่อมาคือในงบประมาณเริ่มต้น 50,000 บาท พี่น้อง SMEs ควรลงทุนเรื่องอุปกรณ์อะไรบ้างสำหรับการผลิต VDO Content ซึ่งโปรยุงได้แนะนำอุปกรณ์ชนิดที่เรียกว่าของมันต้องมีติดออฟฟิศดังต่อไปนี้

1. กล้องดิจิทัล สำหรับใช้ในการถ่ายทำ และซัพพอร์ตการ Live Streming ด้วย 

2. Microphone Wireless ไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์รับเสียงที่ยังไงก็ต้องใช้ เพราะถ่ายวิดีโอมาดีแค่ไหน แต่ถ้าเสียงไม่ดีจบเลย แนะว่าให้ซื้อแบบ Wireless และซื้อรุ่นดีๆ ไปเลย เพราะจะได้ใช้งานได้ยาวนาน

3. ไฟ ควรมีอย่างน้อย 2 ตัว อาจจะมีราคาแพง เริ่มต้นประมาณ 15,000 บาท แต่สามารถใช้งานยาวนาน ถ้าเป็นแบบสตาร์ทเตอร์ หากซื้อที่ Big Camera จะทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ 

4. ‘ขาตั้งกล้อง’

นอกจากนี้ อยากต้องการไลฟ์ควรจะต้องมี Capture Card และ Switcher สำหรับแปลงสัญญาณภาพ และตัดสลับภาพ

“สำหรับสตาร์ทเตอร์ ผมคิดว่าอุปกรณ์ 4 อย่างเริ่มต้น ที่อนาคตก็ต้องได้ใช้ ผมจะสอนให้ผู้ประกอบการลงทุนกับมัน อย่างมาเหนียว อีกทั้งถ้าใครบอกว่าถ่ายมือถือได้ แล้วก็ตัดต่อได้ แต่ผมมองว่าในระยะยาวจะใช้ไม่ได้ เพราะถ้าทำคอนเทนต์สั้นๆ ง่ายๆ เช่น Vlog Tiktok มือถือใช้งานได้ แต่ถ้าทำคอนเทนต์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ บันทึกภาพยาวๆ มือถือไม่ซัพพอร์ตให้สามารถทำงานหนักได้ เพราะยังไงก็ยังเป็นดีวอยซ์สำหรับติดต่อสื่อสารกันมากกว่า ฉะนั้นคงต้องมีของแบบมืออาชีพ”


2 หลักคิดเมื่อเริ่มต้นทำผลิต VDO Content

ในเมื่อทราบว่าต้องมีอุปกรณ์ชนิดของมันต้องมีแล้ว ในกระบวนการผลิต VDO Content ที่สำคัญคือการเริ่มต้น ‘คิดคอนเทนต์’ ในฐานะที่โปรยุง มีประสบการณ์เป็นโปรดิวเซอร์และครีเอเตอร์มานานกว่า 20 ปี ได้ถ่ายทอดวิธีการคิด VDO Content ให้กับพี่น้อง SMEs ที่ร่วมสัมมนาในงาน‘BIG CAMERA FESTIVAL 2021 ‘MY CAMERA MY LIFE’ ที่ผ่านมาในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

โดยการคิดคอนเทนต์ของโปรยุงมีหลักอยู่ 2 ข้อ

1 ใจเขาใจเรา รู้ใจเราคือสินค้าเรามีดีอะไร และรู้ใจเขาคือซื้อไปแล้วแก้ปัญหาอะไรให้เขา 

2 จี้จุดในใจ ต้องเข้าใจเรื่องพื้นฐานของธรรมชาติมนุษย์ พฤติกรรมลูกค้า เช่น เขาหิวข้าว ก็ต้องขายตอนที่หิว โดยยิง VDO ไปในตอนเที่ยง หรือสมมติขายไก่ทอด ก็ถ่ายแต่ไก่ทอดให้สวยอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นให้ได้ได้ยินเสียงกัดไก่ดังกรอบ หรือเห็นลูกค้าหลายๆ คนมากินไก่ ฉีกไก่ของเราอย่างสะใจ คุณต้องกลืนน้ำลายตามหรือเปล่า เป็นต้น


เจาะขั้นตอนลงมือผลิต VDO Content

อุปกรณ์ชนิดของมันต้องมีพร้อมแล้ว ได้รู้จักขั้นตอนการคิดผลิต VDO Content กันแล้ว แล้วในขั้นตอนต่อมาคือ การลงมือผลิต สิ่งที่ SMEs ต้องรู้ ต้องทำ มีเรื่องใดบ้าง โปรยุงได้ให้คำแนะนำเอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยชวนให้ชูขึ้นมา 4 นิ้ว

นิ้วแรก ‘รีเสิร์ช’ โดยสำรวจก่อนว่าธรรมชาติของลูกค้าผมเป็นแบบไหน แล้วผมค่อยมาคิดคอนเทนต์ 

นิ้วสอง ‘นำข้อมูลรีเสิร์ชมาคิด’ ยกตัวอย่างเทรนด์ตอนนี้ รีเสิร์ชมาแล้วว่าพระมหาเทวีมาแรง คนหน้าตาไม่สวยไม่หล่อ แต่มีคาแรกเตอร์ก็น่าได้ ก็เอามาคิดกับสินค้าว่าเข้ากันไหม เป็นต้น

นิ้วสาม ‘ลองถ่ายทำ’ ลงมือถ่ายทำด้วยลองใช้อุปกรณ์ที่มี แล้วตัดต่อให้เป็นหลายเวอร์ชัน เช่น 1 นาที 2 นาที 3 นาที จึงทดลองโพสต์เพื่อดูฟีดแบ็ก

นิ้วสี่ ‘เลือกยิงสื่อ’ หลังจากได้คลิปวิดีโอมาแล้ว ทดลองยิงในช่องทางสื่อต่างๆ แล้วทดลองดูว่า ยิง Ads. เวอร์ชัน 1 2 หรือ 3 ว่าเวอร์ชันไหนดีกว่ากัน แล้วลงทุน Ads. เวอร์ชันที่ดีที่สุด 

“วิธีการดังกล่าวคือสิ่งที่ผมลงมือทำในทุกๆ เดือน ผมมักจะบอกผู้ประกอบการว่าไม่จำเป็นต้องทำ Ads. ตัวเดียว แล้วหลายคนยังเชื่ออยู่ว่า คนที่ทำ Ads. ได้คือบริษัทที่มีกำลังทำโฆษณา แต่เดี๋ยวนี้เราทุกคนมีกำลังจะทำ Ads. โฆษณาได้เลย”


เทคนิคการตัดต่อให้ VDO Content ดึงดูดใจคน 

โลกโซเชียล มีเดีย มีคอนเทนต์ผ่านสายตาเราประมาณ​ 7,000 กว่าฟีดต่อวัน แล้วเราจะเป็นหนึ่งในฟีดที่คนหยุดดูได้อย่างไร มืออาชีพตัดต่อ VDO กันอย่างไร คงเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ถึงเบื้องหลังการทำงานในขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอ สำหรับสูตรของโปรยุงมีหลักการคิดที่วางเอาไว้ในขั้นตอนนี้อย่างเรียบง่าย นั่นคือ Real และ Less Is More น้อยแต่ดี 

“ผมเชื่อว่า Less Is More ทำแล้วประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงแนะนำผู้ประกอบการว่าไม่จำเป็นต้องใส่อะไรให้เยอะ แต่คิดคอนเทนต์ให้ดี ให้อะไรกับสังคม และตัดต่อให้กระชับ”

ซึ่งเทคนิคการตัดต่อ VDO Content ที่โปรยุงขาดไม่ได้ คือสูตร ปู-ชง-ตบ ปู 

ปู ต้องปูให้คนกรี๊ดจนต้องกดเข้ามาฟังเสียง 

ชง คือการพาคนดูตามมา ลากเข้ามาให้เขาเห็นว่ามีปัญหาแบบ ยกตัวอย่างทีวีไดเร็ก ที่ว่า… คุณมีปัญหากับเรื่องแบบนี้มั้ยล่ะครับ ? ทำความสะอาดบ้านไม่เคยสะดวกเลย ใช้เวลากับมันนานซะเหลือเกิน ถ้าคุณเจอปัญหาแบบนี้แล้วล่ะก็…

ตบ คือการพาคนมาเห็นสิ่งที่แก้ปัญหาได้ เช่น นี่ไง! ผมของเสนอ ม็อปอัจฉริยะ… ซื้อตอนนี้คุณจะได้… โทรในตอนนี้เท่านั้น

สำหรับเรื่องสเกลในการตัดต่อ VDO ปัจจุบันเทรนด์ที่นิยมใช้กันนั้น สำหรับ Facebook ก็เป็นโซเชียลมีเดียที่คนใช้มากที่สุด ใช้แบบไหน ไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วนภาพ 1 : 1, 3 : 2, 4 : 5 และ 16 : 9 โดยอัตราส่วนภาพที่โปรยุงใช้แล้วเวิร์ก คือ 4 : 5 เพราะว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่เต็มหน้าจอมือถือ จึงทำให้เห็นแคปชั่นในการขายได้ด้วย เช่น ซื้อ 1 แถม 1 หมดขาย ซึ่งแคปชั่นเหล่านี้เป็นข้อเสนอ เพื่อบิลด์อารมณ์คนให้ซื้อสินค้า

ส่วน Youtube คือภาพแนวนอน ด้วยอัตราส่วนภาพแบบ 16 : 9 แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีการใช้อัตราส่วนภาพแบบ 4 : 5 พอสมควร เพราะธรรมชาติของผู้บริโภค ไม่ได้ดูผ่านคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว บางคนดูผ่านโทรศัพท์มือถือในแนวตั้ง หรือ VDO โฆษณา เทรดหุ้นทั้งหลาย ส่วนใหญ่ตัดต่อออกมาในอัตราส่วนภาพแบบ 4 : 5 หรือ 1 : 1



เทคนิคผลิต VDO เพื่อเพิ่มยอดขาย 

มีตัวเลขหนึ่งในโลกออนไลน์ที่ชวนอึ้ง ซึ่งโปรยุงได้นำมาแชร์คือ มีคนไทยเพียง 10% ที่รู้วิธีใช้ VDO เพื่อเพิ่มยอดขาย ในเมื่อผู้ประกอบการมีการผลิต VDO Content ขึ้นมา แล้วมีวิธีอย่างไรที่จะเปลี่ยนวิดีโอให้กลายเป็นเงิน ให้สามารถเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ให้มากขึ้นได้

โปรยุงอธิบายเอาไว้ว่ามีทฤษฏีที่ใช้กันอยู่ 3 ข้อ

1.  คุณอยากให้ลูกค้าซื้อ ก็ทำของดีขึ้นมาขาย 

2. ทำโฆษณาที่ตรงใจเขา 

3. ยื่นข้อเสนอที่ตรง 

“ในสมัยก่อนมีแค่เจ้าใหญ่ๆ ทำวิดีโอ โฆษณา แล้วบรอดแคสต์ให้คนเห็นเยอะๆ หลอกหลอนคนเพื่อให้จดจำ ภักดี และมีพฤติกรรมที่มีแนวโน้มซื้อ บนโลกออนไลน์ก็เหมือนกัน ถ้าเราอยากจะขายได้ ก็ทำ VDO Ads. แล้วก็ยิงไปยังกลุ่มเป้าหมาย แล้วยิงหลอกหลอนอยู่อย่างนั้น แค่นี้เองที่ผมทำมาตลอด สุดท้ายถ้าอยากขายได้ ต้องใช้ทั้ง Online และ Offline ออนไลน์มีหน้าที่บรอดแคสต์ให้คนเห็นเยอะๆ กับหลอกหลอน ส่วนออฟไลน์คือปิดการขายหลังบ้าน แค่นั้นเอง”

นอกจากนั้น โปรยุงยังได้เผยถึงเทคนิควิธีการรัน KPI Chanel ให้กับผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้ โดยแบ่ง VDO Content เป็นสองส่วน คือ 

VDO Review เพื่อรีวิวสินค้าในธุรกิจของเรา

VDO Ads. เหมือนกระสุนใส่ปืนที่เอาไปเรียกลูกค้ามา 

สมมติเป็น Facebook เดือนนี้ยิง 10,000 บาท คนเห็น 100,000 ฉะนั้นโอกาสในการคลิกเข้ามาดู VDO ในบ้านเรา ถ้า Review ในบ้านเราไม่มี โอกาสที่จะปิดการขายก็ไม่มี ดังนั้น ต้องทำ VDO Content ทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อรีวิวสินค้าของเรา กับเพื่อยิง Ads. คือพื้นฐานที่ SMEs ต้องทำให้เป็น 

“สมมติ ผมทำธุรกิจรับติดแอร์ เดือนหนึ่งผมจะทำ VDO Review ขึ้นมา 20 ตัว โดยรีวิวสถานที่ที่ผมไปติดตั้งแอร์ เช่น โรงงานปลากระป๋อง ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน พร้อมข้อความว่า …เห็นมั้ยครับว่าทุกที่มั่นใจในแอร์โปรยุง แล้วเดือนหนึ่งก็ทำ VDO Ads. ขึ้นมาอีก 1 ตัว ซึ่งเป็นวิดีโอสำหรับเสนอราคา เช่น ติดแอร์หน้าร้อนนี้มั้ยครับ ? ติดแอร์ตอนนี้พร้อมโปรโมชัน บริการล้างฟรีทั้งปี ! ถ้าสนใจติดแแอร์ ซัมเมอร์นี้นึกถึงโปรยุง คนอาจจะมีแนวโน้มสนใจว่าแอร์โปรยุงดียังไง เขาก็จะเห็น Review”

สำหรับความยาวของVDO Content แต่ละคลิปนั้นควรจะยาวสั้นแค่ไหน โปรยุงได้แนะนำเอาไว้ดังนี้

VDO Review สามารถตัดต่อความยาวได้ตามสะดวก อย่างเช่น VDO ในช่องโปรดิวเซอร์ยุง มีความยาว 10 นาทีขึ้นทุกตัว เพราะเชื่อว่่าถ้าคนต้องการสินค้านั้นจะดูรีวิวจนจบ ดังนั้นถ้าวิดีโอนั้นมีประโยชน์ต่อคนยังไงเขาก็ดู VDO Review ทำง่ายแต่ให้ค่อยๆ เล่า และเล่าอย่างจริงใจ

VDO Ads. ธรรมชาติของผู้บริโภคจะไม่ชอบดูโฆษณายาว ปัจจุบัน 1 นาที 30 วินาที ถือว่ายาวแล้ว ดังนั้น สูตรในกาตัดต่อ VDO Ads. มีจังหวะคือ เปิดมาตีหัวเข้าบ้าน รีบอธิบายรายละเอียดใน 15 วินาที แล้วรีบปิดการขาย 

“เป็นเบื้องต้นของการทำคอนเทนต์เลย คือ ตัวเรามีดีอะไร และลูกค้าจะได้อะไรจากเรา แค่ VDO Ads. ต้องสั้น กระชับ ดึงดูดสายตาคน แต่ VDO Review ทำยาวได้ ไม่มีเวลามาบังคับ มันจะมีธรรมชาติของวิดีโอแต่ละแบบ”