CEO ตราเพชร ผู้พาบริษัทออกมาเกิดใหม่แม้จะมีหนี้ก้อนใหญ่กว่าพันล้าน

1720

กว่าจะได้กาแฟสักถ้วย ที่เข้มข้น กลมกล่อม ผ่านการคัดสรร และคั่วบด อย่างลงตัวกับความร้อนที่เหมาะสมชงอย่างพิถีพิถัน จนได้กาแฟที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ที่ต้องผ่านการทำงานอย่างหนัก และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ธุรกิจก้าวไปสู่ความสำเร็จและการพาบริษัทเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็คงเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับการได้สัมผัสกาแฟชั้นดีสักถ้วยประเทศไทย มี SMEs เกิดขึ้นมากมายมีบริษัทจดทะเบียน นับหมื่น นับแสนแต่มีเพียงไม่กี่ร้อยบริษัท ที่สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จคงจะดีถ้าเราได้มีโอกาสสัมผัสกับรสชาติกาแฟ ของเหล่า CEO ผู้สร้างธุรกิจพันล้าน หมื่นล้าน ในตลาด

CEO ที่เราได้มาจิบกาแฟด้วยวันนี้ก็คือ คุณสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DRT หรือ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ผู้ที่กอบกู้บริษัท ล้างหนี้กว่าพันล้านบาท และสามารถขับเคลื่อนองค์กรมาสู่ความสำเร็จได้ กลายเป็นผู้นำด้านวัสดุก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับจากทั้งใน และต่างประเทศ สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และพาธุรกิจเติบโตมูลค่าสูงสุดกว่า 6,000 ล้านบาท

เริ่มที่เรื่องกาแฟกันก่อนตามคอนเซ็ปของเราครับ อยากรู้ว่าปกติแล้วซีอีโอระดับคุณสาธิตชอบดื่มกาแฟอะไรครับ
ผมชอบดื่มมอคค่าครับ เพราะว่าดื่มง่าย แล้วก็มีส่วนส่วนผสมที่หลากหลาย มีเอสเปรสโซ มีช็อกโกแลต มีนม แล้วก็ยังมีฟองนม 

แล้วถ้าลองเปรียบตาเพชรเป็นกาแฟหล่ะครับ จะเปรียบเหมือนกาแฟอะไรดี 
สำหรับผมก็มองว่าเป็นมอคค่า เหมือนที่ผมชอบนะครับ เพราะตาเพชรส่วนหลักของธุรกิจมาคือหลังคา ที่เปรียบได้เหมือนเอสเปรสโซ ส่วนที่เสริมขึ้นมาคือสินค้าผนัง ก็เปรียบได้เหมือนช็อกโกแลต เป็นกาแฟที่มีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้เราก็ยังมีเรื่องการติดตั้ง ซึ่งก็มีเหมือนนม มีครีม ที่เข้ามาเสริมรสชาติให้กลมกล่อม ดังนั้นรวมๆ แล้วก็ดื่มได้ ดื่มดี ดื่มได้เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่ดื่มได้ เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็ดื่มได้

ได้ยินกันมานานเลยครับสำหรับแบรนด์ตราเพชร ไม่ทราบว่าบริษัทเปิดมานานขนาดไหนแล้วครับ
เราก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 จนถึงวันนี้ก็ 35 ปีแล้วครับ เดิมเราเป็นบริษัทลูกของปูนซีเมนต์นครหลวง แต่ในปี พ.ศ. 2540 เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นครับ

แล้วตราเพชรเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เมื่อไหร่ครับ
เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี พ.ศ.2548 จนถึงปัจจุบันก็ครบ 15 ปีแล้วครับ

ตั้งแต่เข้าตลาดมาตราเพชรเคยมีมูลค่าในตลาดสูงสุดอยู่ที่เท่าไหร่ครับ
บริษัทเราเคยมีมูลค่าในตลาดขึ้นไปสูงสุดที่ 6,000 ล้านบาทครับ

หลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างครับ
ช่วงแรกที่เราจดทะเบียนในตลาดค่อนข้างเติบโตแบบต่อเนื่อง จนปัจจุบันนี้บริษัทเราเองถือว่าเป็นหุ้นปันผล ซึ่งก็มีการปัญผลอยู่อย่างสม่ำเสมอครับ ในรอบ 15 ปี ที่ผ่านมาการปัญผลเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ

ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ตราเพชรทำธุรกิจอะไรอยู่บ้างครับ
เดิมทีเลย สินค้าหลักของตราเพชรคือทำหลังคา เริ่มแรกเลยมีแค่หลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์รายการเดียว แต่ในปัจจุบันเรามีสินค้าอื่นๆ ที่ทำจากไฟเบอร์ซีเมนต์ คือ ผนัง พื้น ภายใน ภายนอก แล้วก็มีสินค้าพวกผนังชนิดอื่นอย่างอิฐมวลเบา เป็นต้น โดยคำที่ใช้เป็นกลยุทธ์ของบริษัทเราคือ “สวยครบเซ็ต ตราเพชรทั้งหลัง” คือถ้าจะสร้างบ้านสักหลัง ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าของตราเพชรได้ทั้งหมด 

เป็นสโลแกนที่อยากจะออกไปเดินดูสินค้าเลยครับอย่างนั้นถ้าอยากดูสินค้าของตราเพชรสามารถหาดูได้ที่ไหนบ้างครับ
สินค้าของเราจัดจำหน่ายในหลายช่องทางครับ กลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่หลายๆ คนคงรู้จักกันดี อย่าง โกลบอลเฮ้าส์ ไทยวัสดุ แล้วก็ยังมีการขายผ่านเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ ยอดการจำหน่ายสินค้าเรา 50 เปอร์เซนต์ของเราเป็นส่วนที่ขายผ่านเอเย่นต์ อีก 15 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในส่วนของโครงการบ้านจัดสรร แล้วอีก 18 เปอร์เซ็นต์จคือส่วนของ โมเดิร์นเทรด และที่เหลือคือในส่วนที่จัดจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ของอาเซียนครับ

ทราบมาว่าผลิตภัณฑ์ตราเพชรได้ไปลุยต่างประเทศมานานแล้ว เป็นมาอย่างไรบ้างครับ
ในประเทศไทยจะรู้จักเราในนามตราเพชร แต่ในต่างประเทศจะรู้จักเราในนามไดมอนด์ ซึ่งคนในอาเซียนหรือเประเทศเพื่อนบ้าของเรารู้จักแบรนด์ไดมอนด์กันเยอะ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าหลังคา และปัจจุบันก็มีในส่วนของสินค้าทดแทนไม้เข้าไปมากขึ้น 

แต่ละปียอดขายกระเบื้องหลังคาประมาณเท่าไหร่ครับ 
ในปี พ.ศ. 2561 นี้ก็มียอดขายประมาณ 4,200 กว่าล้านบาทครับ ถ้าเอามาเรียงเป็นตารางเมตร เราก็จำหน่ายกันเป็นหลักร้อยล้านตารางเมตรเลยนะครับ 

แล้วในปีต่อจากนี้พี่มองว่าการใช้งานกระเบื้องมุงหลังคาจะมีมากขึ้นหรือเปล่าครับ 
กลุ่มที่จะใช้มีอยู่ 2 ตลาดครับ กลุ่มแรกคือ กลุ่มสร้างบ้านใหม่ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและการขยายตัวไปยังหัวเมืองใหม่ๆ กลุ่มที่สองคือ กลุ่มซ่อมแซม คือเมื่อหลังคาที่ราคาไม่แพงมากนักอาจจะสีซีด หรือเมื่อผู้บริโภคใช้ไปในระยะหนึ่งหรืออาจเจอภัยธรรมชาติ ก็อยากจะเปลี่ยน  ซึ่งทั้งสองตลาดของเรานี้ก็จะเสริมกัน 

ในฐานะที่ตราเพชรลุยตลาดอาเซียนมานาน ทิศทางแถวเพื่อนบ้านของเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
ถ้ามองในภาพรวมๆ ผมมองว่าเพื่อนบ้านของเรายังมีโอกาสเติบโตอยู่ จากการที่มีนายทุนเข้าไปลงทุน แล้วของเขาเองก็ยังไม่มีโรงงานผลิต ดังนั้นความต้องการเรื่องวัสดุก่อสร้างยังต้องการของสินค้าจากทางไทยเราครับ 

พม่า ลาว กัมพูชา เป็นยังไงบ้างครับ สำหรับตลาดนี้
ตลาดหลักของเราในรอบ 10 ปีที่ผ่านมานี้มีกัมพูชาเป็นตลาดใหญ่ รองลงมาเป็น สปป.ลาว ในส่วนของพม่านั้นแม้จะมีพื้นที่ประเทศใหญ่กว่ากัมพูชาเกือบ 4 เท่าแต่การเติบโตในประเทศคงต้องการการพัฒนาในหลายๆ เรื่อง แต่ถ้ามองการตลาดด้วยพรมแดนติดกับบ้านเราก็ยังคงทำให้มีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ 

ในฐานะที่คุณสาธิต เป็นซีอีโอผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะคนหนึ่ง ในปีนี้ที่ใครก็บอกว่าเศรษฐกิจมันซึมๆ อาจมีเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ คุณสาธิตที่เคยพาบริษัทผ่านช่วงที่ยอดขายมีน้อยกว่ารายจ่ายมาแล้ว มองว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ 
เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 บริษัทมีหนี้สินอยู่ 1,200 ล้านบาท แต่ยอดขายที่เรามีแค่ 800 ล้านบาท ตอนนั้นก็มานั่งดูกันว่าทำอะไรได้บ้าง อย่างแรกที่เราทำคือการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับให้หนี้จากเงินเหรียญ เป็นเงินบาท เพื่อลดมูลค่าหนี้ลง อย่างที่สองคือธุรกิจไหนที่ทำแล้วไม่เกิดกำไรเราก็ตัดทิ้ง โฟกัสเฉพาะธุรกิจที่ทำกำไร เพิ่มยอดขายให้ได้ ต่อมาก็คือช่องทาง ถ้าเรามีช่องทางน้อย ไม่หลากหลาย ก็จะทำให้เราบริหารควาเสี่ยงตรงนี้ไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำคือเปิดช่องทางเราทำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของในประเทศเราก็เจาะตลาดมากขึ้น อย่างขายการกับพวกโครงการ เราก็ต้องขายสินค้าและพร้อมให้บริการติดตั้ง เพราะผมคิดว่าสินค้าบางอย่างมันไม่ได้ขายได้ด้วยตัวมันเอง มันขายได้เพราะการบริการด้วย ดังนั้น สามส่วนนี้ครับที่ทำให้เราผ่านมันมาได้ 

แล้วในเรื่องของกำลังใจและสติ ในการผ่านวิกฤตหล่ะครับ ผมว่าตอนนี้เอสเอ็มอีหลายคนอยากจะได้แนวทางในการหากำลังใจและสติมาใช้ในภาวะแบบนี้
อย่างที่บอกครับ ผมว่าเราควรจะโฟกัสในส่วนที่เราถนัด ไม่ควรจะทำอะไรกระจัดกระจายไปหลายอย่าง การโฟกัสจะบอกได้เลยว่าเรารู้เรื่องนั้นจริง แล้วเราค่อยๆ พัฒนาเข้าไป แล้วก็ต้องบริหารเรื่องค่าใช้จ่ายให้เรามั่นใจด้วยว่าเราจะเดินผ่านช่วงวิกฤตไปได้ แต่อย่างไรก็ตามผมว่าสำคัญที่สุดก็คือ คู่ค้า เศรษฐกิจไม่ดีแต่ความสัมพันธ์เรากับคู่ค้าต้องดี ตรงนี้เป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่า เพราะเมื่อในวันที่เศรษฐกิจมันดีขึ้นแล้วเราก็จะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่า 

ทุกปีเราจะมีเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจน คืออย่างน้อยต้องเติบโต 5 – 10 เปอร์เซ็นต์ เราต้องมองเรื่องกำไรขั้นต้นของตราเพชรเราตั้งไว้ว่ากำไรขั้นต้นต้องไม่ต่ำกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วถ้ามีช่องทางเติบโตเราก็ต้องตั้งเลยว่าเราจะเติบโตไปในช่องทางไหน ด้วยผลิตภันฑ์อะไรบ้าง แล้วเราก็พัฒนาไปทางด้านนั้น แต่อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญคือเราต้องสื่อสารตรงนี้ไปให้คนในองค์กรเข้าใจ โดยเฉพาะระดับผู้บริหารต้องไปในทิศทางเดียวกัน เรามีแผนก็จริงแต่มันก็ต้องมีการปรับแผน ในส่วนของผู้บริหารนั้นตราเพชรเราประชุมกันแทบทุกวัน ในส่วนก็การจัดการก็ประชุมกันทุกไตรมาส ดังนั้นเราจะบอกได้ว่าทิศทางที่เราเดินมานั้นดีหรือไม่ดี แล้วทิศทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้านั้นจะดีหรือไม่ดี เพราะฉะนั้นทุกคนในบริษัทก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ 

กำลังใจและสติก็เป็นอีกอย่างที่สำคัญครับ คือผมว่าเศรษฐกิจมันไม่ได้ดีทุกปี ผมเคยผ่านช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศไทยไม่ดี ผมก็ต้องหาทางไปโตที่อื่น นั่นคือหาตัวทดแทน แล้วสองคือเราก็ต้องดูว่าเราเก่ง มีศักยภาพทางไหน มีจุดแข็งคืออะไร ก็ใช้จุดแข็งนำ แล้วก็ต้องรู้ว่ามีจุดอ่อนอะไรแล้วก็ไปดูแลตรงนั้น 

ต้องสื่อสารทิศทางกับทีมงานกันตลอดแบบนี้ อยากทราบว่าตราเพชรมีพนักงานทั้งหมดกี่คนครับ แล้วทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถได้รับสารเดียวกันครบทุกคนครับ
พนักงานที่นี่รวมในส่วนของโอเปอร์เรชันด้วยมีทั้งหมดเกือบ 900 คนครับ โดยเรามีผู้จัดการฝ่าย ผู้จัดการส่วนต่างๆ ที่เราประชุมกันทุกไตรมาส บางส่วนเราก็ประชุมกันแทบทุกเดือน แล้วเราก็มีการสื่อสารทั่วถึง แล้วเราก็มีการวัดประสิทธิภาพในการทำงาน นั่นก็คือ KPI (Key Performance Indicator) เมื่อทิศทางของผู้นำไปทางไหน ทีมงานก็ต้องไปตามนั้น 

ทิศทางต่อไปของผลิตภัณฑ์ตาเพชร ทั้งในปีนี้และปีต่อๆ ไปจะเป็นอย่างไรครับ 
ปีนี้เป็นปีที่เราทำการขยายกำลังผลิต ดังนั้นในปี พ.ศ.2564 นั้นเรามีสิทธิที่จะเติบโต แต่ในปีนี้นั้นจากสภาพเศรษฐกิจเราก็มองในเรื่องการรักษากำไรขั้นต้น เพราะว่าเราเป็นบริษัทจดทะเบียน ต้องให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้น เนื่องด้วยผู้ถือหุ้นคงไม่มองภาพอย่างเข้าใจว่าเราลงทุนไปจึงทำให้งดจ่ายปันผล ซึ่งจากตั้งแต่จดทะเบียนมาตราเพชรมีนโยบายจ่ายปันผลขั้นต่ำ 50 เปอร์เซ็นต์ของกำไร ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอย่างที่แจ้งคือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ นั้นก็หมายความว่าไม่ว่าจะเศรษฐกิจอย่างไรเราจะจ่ายปันผมสม่ำเสมอ เราต้องสร้างความเชื่อมั่น

ขอถามในส่วนการเป็นซีอีโอของคุณสาธิตบ้างครับ อยากรู้ว่าสาธิตเป็นซีอีโอที่ทำงานแบบไหนครับ 
ผมเป็นซีอีโอในสไตล์ที่เวลาผมมอบหมายงาน ผมมีเป้าหมายแล้วก็ต้องให้คนที่รับงานไปเขาเข้าใจในรายละเอียดว่าทำไมผมถึงตั้งเป้าหมายนี้ อย่างเช่น ผมอยากให้ผลประกอบการปีนี้เติบโต 5 – 10 เปอร์เซ็นต์ ผมก็ต้องมีที่มาที่ไปว่าทำอย่างไรถึงจะเติบโตไปในแนวทางนี้ได้ ให้แนวทางเขาไปแต่ก็เปิดโอกาสให้เขาในเรื่องการคิดวิธีสำหรับการบรรลุเป้าหมายด้วย แต่สิ่งสำคัญผมว่าเป็นเรื่องกลยุทธ์ ผมยกตัวอย่างเช่น อิฐมวลเบา ซึ่งปกติไม่สามารถทำตลาดกันได้ดีนัก ด้วยเหตุที่ว่ามัวแต่แข่งขันกันเรื่องราคา แต่ในความคิดของผมคือ อิฐมวลเบามันไปช่วยในเรื่องการลดงานก่อสร้างได้ อย่างสมมุติจะสร้างครัวปูน ปกติช่างใช้เวลาทำ 2 วัน แต่ถ้าใช้อิฐมวลเบาใช้เวลาทำเพียง 2 ชั่วโมง คุณจะเอาไหม ที่ทำสำเร็จตรงนี้เพราะเรามีทีมเข้าไปนำเสนอในร้านค้าวัตถุก่อสร้าง ให้ช่างที่มาร้านค้าเห็น เมื่อเราอธิบายแล้วทำให้เขาเห็น เขาก็จะเข้าใจตรงนั้นได้ดีเพราะเขาทำงานแล้วรู้จริงกว่าเรามากกว่า ดังนั้นมันคือการที่ว่าคุณมีแผนก็จริง แต่ลงรายละเอียดหรือเปล่า ซึ่งผมเป็นซีอีโอที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องพวกนี้มาก คือไม่ใช่พูดกันแต่เรื่องแผน แต่ไม่ลงไปดูรายละเอียดเลย หรือลงรายละเอียดแล้วมันเป็นไปไม่ได้ก็ไม่ยอมปรับแผนอะไรเลย ต้องวางแผน เข้าใจแผน แล้วก็ปรับแผนได้ 

โอโห้น่าสนใจเลยครับกว่าจะมาเป็นแผนแต่ละแผน แล้วคุณสาธิตไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับว่าลูกค้าเราเป็นใคร แล้วลูกค้าของลูกค้าเราเป็นใครยังไง ได้อย่างไรครับ 
ผมอยู่ในวงการนี้มากกว่า 30 ปี โดยช่วง 10 ปีแรกผมเป็นผู้บริหารในปูนซีเมนต์นครหลวง ก่อนถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้างแล้วออกมาเป็นตราเพชร เริ่มต้นจากไม่มีอะไร จึงต้องเรียนรู้ความต้องการของวงการวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน ปัญหาที่เราพบก็คือ ช่างสมัยนี้ไม่มีฝีมือเทียบเท่ากับสมัยก่อน หายากด้วย แล้วก็คนต้องการช่างที่ทำอะไรได้เร็ว ไม่ต้องมาแก้ไข ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำได้เร็วแล้วค่าใช้จ่ายไม่มากแบบนี้คู่ค่าพอใจ ซึ่งพอเราเอาปัญหาพวกนี้มาแก้ให้คู่ค้าได้ ก็ขายกันง่ายจบ คู่ค้าพอใจ

จริงไหมครับที่การเป็นผู้บริหารระดับสูงแบบนี้จิตใจต้องนิ่งต้องมั่นคง มีเทคนิคอะไรไหมครับที่สามารถเป็นได้แบบนี้ 
มาจากเป้าหมายต้องชัดครับ แต่ต้องประเมินสถานการณ์ไว้ได้ครับว่าทำทุกอย่างต้องมีปัญหาให้เราต้องแก้ ให้กำลังใจตัวเองครับ อย่าท้อ ปัญหามันมีมาตลอด ต้องคุยกับทีมงานช่วยกันคิด ผมใช้แนวทางนี้มาตลอด เพราะธุรกิจไม่ได้ดีเสมอไป ในบางครั้งเจอลมแรงเราก็ต้องรู้วิธีหลบ ตรงไหนมีโอกาสมาเราก็ต้องไปสร้าง เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีเราจะตามแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวไม่ได้เพราะจริงๆ โอกาสมันมีมากมาย ในประเทศไม่ดี ลองประเทศเพื่อนบ้านได้ไหม สินค้าตัวนี้ขายไม่ดี แต่อีกตัวขายดีพัฒนาอะไรมันได้ไหม ก็ต้องดูให้ออก 

เคล็ดลับในการให้กำลังใจตัวเองและทีมงานในการผ่านปัญหาไปได้หน่อยครับ
การให้กำลังใจตัวเองคงเหมือนเราย้อนกลับไปดูอดีตที่ผ่านมาจากวันนั้นจนถึงวันนี้ อย่างตราเพชรเคยเป็นหนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอด เราจะไม่พูดอะไรเกินไปจนทำไม่ได้ ในส่วนของพนักงานเราจะให้ภาพเขาอย่างสม่ำเสมอว่าที่ผ่านมา ปัจจุบัน และอนาคต เป็นมาอย่างไรแล้วจะต้องเดินไปทางไหนและต้องยอมรับการตัดสินใจของพนักงานด้วยเหมือนกัน 

ผมอยากให้กำลังใจเอสเอ็มอีทุกท่านนะครับ มันไม่มีอะไรง่าย ไม่มีทฤษฎีสำเร็จรูป มันอยู่ที่เราคิดว่าเราอยากจะมีการเติบโตขนาดไหน เราแค่ต้องวางแผนของเราให้ดี แล้วปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับธุรกิจเรา ผมเชื่อมั่นครับว่าทุกท่านจะสามารถประสบความสำเร็จได้

“ธุรกิจไม่ได้มีแค่ช่วงขาขึ้นเสมอไป เมื่อมีลมแรงก็ต้องรู้วิธีหลบ ตรงไหนมีโอกาสก็ต้องรีบเข้าไปสร้าง” นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้คุณสาธิต สามารถพาบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านวัสดุก่อสร้าง และเติบโตมากว่า 35 ปี เราหวังว่าการมาจิบกาแฟกับสุดยอด CEO ในวันนี้ จะทำให้ทุกท่านได้แนวคิดดี ๆ และนำเอากลยุทธ์ไปปรับใช้ พัฒนาองค์กรของตัวเองให้เติบโต เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และครั้งต่อไปเราจะพาไปจิบกาแฟเปิดจินตนาการกับ CEO ท่านใด ห้ามพลาดนะครับ กับ Coffee with CEO

รายการอายุน้อยร้อยล้าน แคมเปญพิเศษ Coffee with CEO ดูสดพร้อมกันได้ที่
Facebook : อายุน้อยร้อยล้าน
และช่อง Workpoint 23
ทุกเช้าวันเสาร์ เวลา 09.00 น.
ติดตามบทความ CEO Interview ได้ที่
Website : www.ryounoi100lan.com
Facebook : อายุน้อยร้อยล้าน
ทุกเช้าวันจันทร์ เวลา 06.00 น.

https://lh6.googleusercontent.com/5Y-wJ6UibnL4Xoc7LIc6P8MkhjcL0eOF1hxjhmutvKh_M4Qx8QrQLdKVAGIbekUxeUPHZBd0Dz_RP-fRyE8-plm3L1RMR9tF9Q7OdgnVv8gugeyDNMR9JPsRANeNGUxY5uvfXiE