“หาเงินเก่ง รายได้สูง แต่กลับรู้สึกจน ไม่รวยสักที!” ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นแบบนี้ โปรดจงรู้ไว้เลยว่า คุณอาจเข้าข่ายเป็นคนประเภท “HENRY” ก็ได้!
HENRY หรือย่อมาจาก “High Earner Not Rich Yet” คำนิยามที่ใช้เรียกกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้สูง หาเงินได้เยอะ และมีโอกาสที่จะมั่งคั่งในอนาคต แต่มักมีพฤติกรมการใช้เงินที่ค่อนข้างหรูหรา เน้นความสะดวกสบาย และใช้เงินเก่งมาก สุดท้ายเมื่อหักลบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงพบว่าแทบไม่มีเงินเหลือเก็บเลย
โดยคำนี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายตั้งแต่ปี 2003 จากบทความในนิตยสาร Fortune นิตยสารเกี่ยวกับข่าวสารในแวดวงธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ที่พูดถึงความยากลำบากของคนในกลุ่มนี้ รวมถึงวัตถุประสงค์ในการทำการตลาดของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในกลุ่มนี้ โดยในการพูดถึงดังกล่าว สามารถจับประเด็นสำคัญได้ดังนี้
– ผู้ที่มีรายได้สูง มีศักยภาพที่จะร่ำรวยและเติบโตในอนาคต (รายได้ 250,000-500,000 ดอลลาร์สหรัฐ) แต่ก็ยังไม่รวยสักที
– รายได้ส่วนใหญ่ของพวกเขาถูกจัดสรรให้เป็น “ค่าใช้จ่าย” มากกว่า “เงินออม”
– แบรนด์หรู เช่น Louis Vuitton, Chanel, Hermès ฯลฯ ถือเป็นแบรนด์ในดวงใจของกลุ่มนี้ และคนในกลุ่มนี้ก็ถือเป็น “กลุ่มเป้าหมาย” ของแบรนด์เหล่านี้ด้วยเช่นกัน
– HENRY ถูกระบุว่าเป็น “คนรวยที่ทำงาน” เนื่องจากความร่ำรวยส่วนใหญ่เกิดจาก “รายได้จากการทำงาน” ไม่ใช่ความร่ำรวยที่สะสมไว้ เมื่อหยุดทำงานก็จะไม่มีเงินทันที
– คนประเภทนี้ก็สามารถรวยได้ หาก “ลดหนี้ เพิ่มการออม และการลงทุน”
ซึ่งรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่กำลังเป็นแบบนี้เยอะมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น คน Gen Y หรือ Gen Z ถึงแม้จะทำงานเก่ง หาเงินเก่ง แต่ก็ใช้เงินเก่งเช่นกัน ที่ใช้จ่ายไปกับการเที่ยว การกิน อำนวยความสะดวกสบาย ไปจนถึงการซื้อของตามเทรนด์แฟชั่นต่าง ๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดถ้าเราทำงานมาเหนื่อย ๆ แล้วอยากซื้อความสุขให้ตัวเองบ้าง เพื่อเป็นรางวัลจากการทำงานหนักบ้าง แต่การใช้เงินอย่างประมาท เกินตัว ไม่รู้จักการวางแผนนี่แหละ ที่ถือเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมาก
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีรายได้สูงแค่ไหน จะจัดว่าเป็นคนประเภท HENRY หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่สำคัญและควรคำนึงถึงเสมอก็คือ การรู้จักใช้จ่าย เก็บออม วางแผนการเงินในระยะยาว รวมถึงควรศึกษาเรื่องการลงทุน เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเจอปัญหาเกี่ยวกับ “การเงิน” ที่ไม่คาดคิด รวมถึงเพื่อปูทางสู่ความมั่งคั่งให้ชีวิตในอนาคต
ที่มา :
