ความเป็นมาของ FERRERO ROCHER ขนมสัญชาติอิตาเลียนมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ ที่สาวไทยทุกคนอยากได้ในวันวาเลนไทน์

2523

เมื่อนึกถึงวันวาเลนไทน์ “ช็อกโกแลต” มักเป็นของขวัญที่หลายคนนึกถึงจนเรียกว่าแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะ “Ferrero Rocher” แบรนด์ช็อกโกแลตห่อฟอยล์สีทองหรูหราสัญชาติอิตาเลียนที่สาวไทยหลายคนอยากได้! แต่รู้หรือไม่? ว่านอกจากจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงถึงหมื่นล้านเหรียญแล้ว ประวัติความเป็นมายังไม่ธรรมดา เพราะเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือเกือบ 100 ปีมาแล้ว!

โดย “Ferrero Rocher” เปิดตัวเมื่อปี 1979 เป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมภายใต้ Ferrero Group ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1946 บริษัทขนมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก แต่นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นจริง ๆ เพราะที่จริงแล้วตำนานของ Ferrero ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1923 หลังจากผู้ก่อตั้งอย่าง “Pietro Ferrero” ปลดประจำการจากกองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วออกมาเปิดร้านขนมที่เมือง Dogliani


หลังจากทำธุรกิจร้านขนมมาสักระยะหนึ่ง จนในปี 1938 เขาตัดสินใจพาภรรยาและลูกชายอย่าง “Michele” ย้ายไปอยู่ที่ประเทศแถบแอฟริกาตะวันออก เพื่อทำขนมบิสกิตขายให้กับกองทัพอิตาลีที่อยู่ที่นั่นในตอนนั้น แต่ขายไม่ดีนัก ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปเปิดร้านขนมใหม่ในเมือง Alba แถบแอฟริกาตะวันออกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ซึ่งที่นี่เขาได้ทำตามคำแนะนำของน้องชายอย่าง “Gionanni Ferrero” ให้ทำขนมราคาถูก เพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อได้ เพราะวัตถุดิบในช่วงสงครามโลกหายาก โดยเฉพาะ “ช็อกโกแลต” และร่วมกันพัฒนาคิดค้นสูตรใหม่ โดยมีส่วนผสมของกากน้ำตาล น้ำมันเฮเซลนัท เนยมะพร้าว และโกโก้เพียงเล็กน้อย พร้อมกับตั้งชื่อว่า “Giandujot” โดยจะมีลักษณะเป็นขนมช็อกโกแลตแท่ง ห่อด้วยกระดาษไข เมื่อวางขาย ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้คน

ที่มา : Ferrero Rocher


จากนั้นเขากับน้องชายก็ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Ferrero ในปี 1946 หลังจากธุรกิจขยับขยายขึ้นเรื่อย ๆ และดำเนินมาเพียง 2 ปี “Pietro Ferrero” ได้เสียชีวิตลง ทำให้น้องชายของเขาต้องทำธุรกิจด้วยตัวเองต่อ โดย Gionanni Ferrero ก็ได้ปรับสูตรขนมใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่มีลักษณะเป็นแท่ง ได้ปรับให้มีความเหนียวข้นแล้วบรรจุลงขวด เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับให้ลูกค้านำไปทาขนมปัง และเปลี่ยนชื่อเป็น “Supercrema” ซึ่งยังไม่ทันได้เห็นความสำเร็จของ Ferrero ไม่นาน Gionanni Ferrero ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้ธุรกิจ Ferrero ถูกส่งต่อมาให้ “Michele Ferrero” ลูกชายของ Pietro Ferrero เป็นผู้ดูแลบริษัทต่อในปี 1957

หลังจาก Michele Ferrero เข้ามาดูแลธุรกิจ เขาได้สานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ รุกตลาดเยอรมนี เปลี่ยนโรงงานผลิตขีปนาวุธของนาซี ให้เป็นโรงงานผลิตขนมช็อกโกแลตสอดไส้เชอร์รีแช่เหล้า Mon Cheri ซึ่งผลตอบรับดีมาก และกลายเป็นสินค้าขายดีของบริษัท ความสำเร็จนี้ทำให้เขาสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดยุโรปในหลาย ๆ ประเทศได้สำเร็จ ก่อนจะขยายต่อไปยังทวีปอเมริกาและเอเชีย

เมื่อสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ดีขึ้น เศรษฐกิจฟื้นตัว ผู้คนเริ่มกลับมาใข้จ่ายอีกครั้ง เขาได้ทำการพัฒนาสูตร Supercrema อีกครั้งให้พรีเมียมยิ่งขึ้น เลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียม พร้อมกับปรับราคาให้สูงขึ้น และเปลี่ยนชื่อเป็น “Nutella” ช็อกโกแลตเฮเซลนัทสำหรับทาขนมปังที่หลายคนชื่นชอบ

ที่มา : Ferrero

จากนั้นเขาก็ยังได้พัฒนาและเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Kinder, Tic Tac รวมถึง Ferrero Rocher ที่ได้เปิดตัวในปี 1982 มาในลักษณะทรงกลม ห่อด้วยฟอยล์สีทอง พร้อมกับตั้งราคาที่สูง ซึ่งมันกลายเป็นของขวัญที่ผู้คนนิยมมอบให้กันในเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะวันวาเลนไทน์จนถึงทุกวันนี้

ต่อมา Michele Ferrero ได้ให้ลูกชายทั้งสองคน คือ “Pietro Ferrero” (ชื่อเดียวกับปู่) และ “Giovanni Ferrero” มาดูแลบริษัทในเรื่องการผลิตและการเงิน โดยมีเป้าหมายต้องการให้ธุรกิจยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น จึงได้ทำการซื้อกิจการต่าง ๆ เช่น Kellogg Company, Nestlé’s U.S., Burton’s Biscuit Company, Fannie May ฯลฯ จนเรียกได้บริษัทกลายเป็นบริษัทขนมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกได้สำเร็จ

จนในปี 2011 เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น “Pietro Ferrero” ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากอุบัติเหตุ ทำให้ Giovanni Ferrero ขึ้นมารับตำแหน่ง CEO และผู้บริหารของ Ferrero Group เพียงลำพัง ซึ่งนอกจากเขาจะสามารถดูแลธุรกิจหมื่นล้านเหรียญอย่างดีแล้ว การเป็น CEO ผู้บริหาร และทายาทของ Ferrero ยังดันให้เขากลายเป็นมกาเศรษฐีลำดับที่ 36 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 3.62 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.31 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Giovanni Ferrero ได้ลงจากตำแหน่งการเป็น CEO ของ Ferrero Group โดย CEO คนปัจจุบันของบริษัท คือ “Lapo Civiletti” ซึ่งถือเป็น CEO คนแรกที่ไม่ใช่คนของครอบครัว Ferrero ส่วน Giovanni Ferrero ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอยู่

เรียกว่า Ferrero เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมามาอย่างยาวนาน ซึ่งจะเห็นว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจยังอยู่ได้ทุกวันนี้ นั่นก็คือ “การไม่หยุดพัฒนา” และ “การมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ” จนสามารถส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นและประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

ที่มา : 

https://bit.ly/3SrhXX4