“How To Growth Your Business? ทำอย่างไรธุรกิจจะได้ไปต่อ”

564

 

การวางแผนทางการเงิน เป็นสิ่งที่จำเป็นแต่มักไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ก่อนจะทำธุรกิจหรืออะไรก็ตาม เราต้องรู้จักวิเคราะห์สภานภาพทางการเงินของตัวเองก่อนว่า สถานะการเงินตอนนี้เป็นอย่างไร มีเงินออม หรือหนี้สินมากน้อยแค่ไหน สภาพคล่องทางการเงินเป็นอย่างไร ดังนั้นแผนทางการเงินจึงเป็รอีกสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนควรต้องวางแผน เพื่อรับรองความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

“คนส่วนมากทำธุรกิจ จนลืมดูตัวเราเอง ถ้าเรารู้จักการบริหารความมั่นคงทางการเงิน ในอนาคตคุณจะมีความมั่งคั่งแน่นอน”

ซึ่งในช่วงนี้เราจะมาพูดถึงเครื่องมือสร้างความมั่นคง และมั่งคั่งทางการเงิน เพื่อให้เราและธุรกิจเติบโตไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเราได้เชิญ   คุณเอนก จิตต์เอกชัย ผู้จัดการภาคอาวุโสและเจ้าของสำนักงานตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  มาแนะนำเครื่องมือและแผนการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับเรา ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการวางแผนการเงินเพื่อธุรกิจและตัวคุณเองได้ง่ายๆ

HightLight

·  การตั้งเป้าหมายทางการเงินเราทำเพื่อ 1.ปกป้องและเพิ่มทรัพย์สิน 2.ดูแลสุขภาพ  3.ทุนการศึกษาบุตร 4.เกษียณอายุ 5.สร้างกองมรดก 

·  Wealth Creation คือการสร้างความมั่งคั่งผ่านการวางแผนรายได้ ค่าใช้จ่าย เช่นการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย, ทรัพย์สิน-หนี้สิน
·  การการวางแผนทางการเงิน ในส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง เงินส่วนนี้ต้องสำรองเอาไว้ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อกรณีฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด

·   Wealth Protection คือการปกป้องความมั่งคั่ง ผ่านการวางแผนประกันภัย และแผนเกษียณอายุ 

·   Wealth Accumulation คือ การสะสมความมั่งคั่งผ่านการวางแผนภาษี และการวางแผนการลงทุน 

·   Wealth Distribution คือ การส่งมอบความมั่งคั่ง ผ่านการวางแผนมรดก

· การลงทุนทำประกันชีวิต นอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีแล้ว ยังสามารถปกป้องความเสี่ยงจากการตายก่อน เวลา ช่วยในตอนเกษียณอายุ  ช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายสุขภาพและโรคร้าย และยังเป็นการออมการลงทุนที่คุ้มค่า

· Corporate Policy คือกรมธรรม์สำหรับนิติบุคคลเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ ผู้บริหาร กรรมการ และพนักงานบริษัท หรือซื้อกรมธรรม์ให้ตัวเองในฐานะกรรมการบริษัท โดยเงินบริษัท ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้บันทึกเป็นรายจ่ายและลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้

#เคล็ดลับการวางแผนการเงินทางธุรกิจและแผนการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

#การวางแผนทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ

       การวางแผนการเงินส่วนบุคคลมีความสำคัญมาก ถ้าเราดูจากการทำธุรกิจนั้นมันจะเห็นว่ามีช่วงเวลาที่ “มีขึ้น มีลง” ถ้าเราจัดการให้เป็น แบ่งสัดส่วนให้ชัดเจนว่า ก้อนไหนเงินจากการทำธุรกิจ  ก้อนไหนเงินเพื่อให้ครอบครัว (ไม่ว่าจะเป็นเงินเพื่อการเกษียณ หรือเงินเพื่อให้บุตรหลาน) ดังนั้นแผนการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) จึงเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถบริหารจัดการเงินของเราได้

การตั้งเป้าหมายทางการเงิน เราทำเพื่อ

  1. ปกป้องและเพิ่มทรัพย์สิน 
  2. ดูแลสุขภาพ 
  3. ทุนการศึกษาบุตร  
  4. เกษียณอายุ 
  5. สร้างกองมรดก 

และการที่เราจะทำให้เป้าหมายสำเร็จได้ให้ใช้แนวคิด SMART 

S — specific เป้าหมายที่ดีนั้นจะต้องถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน

M — Measurable สามารถวัดผลได้ เป้าหมายที่ดีจะต้องวัดผลเป็นตัวเลขหรือตัวเงินได้อย่างชัดเจน 

A — Achievable รู้ลำดับขั้นตอนว่าควรทำอย่างไร 

R — Realistic เป้าหมายต้องมีความเป็นจริง สมเหตุสมผล

T — Timely ควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจน รู้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่เพื่อจะถึงเป้าหมาย 

#การบริหารความมั่งคั่ง #WealthManagement

“Wealth Management หรือการบริหารความมั่งคั่งคือการนำเงินของท่านไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น ลงทุนในกองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ ฯลฯ เพื่อให้เงินของท่านงอกเงยโดยจะมีผู้จัดการดูแลเงินของท่านเป็นอย่างดีเสมือนมีที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนอยู่กับท่านตลอดเวลา” 

การบริหารความมั่งคั่ง มีหลักการอยู่ 4 หัวข้อ
1. การสร้างความมั่งคั่ง Wealth Creation ผ่านการวางแผนรายได้ ค่าใช้จ่าย(Consumption Planning)

คนส่วนใหญ่มักฮึกเหิม อยากทำธุรกิจก็ทำเลย บางคนทำงานบริษัทอยู่แล้วรู้สึกไม่ใช่ ก็ตัดสินใจออก แต่ลืมถามตัวเองก่อนออกมาทำธุรกิจว่า “คุณมีทุนสำรอง มีไอเดียในการทำธุรกิจ แล้วหรือยัง” ดังนั้นในกลุ่มนี้ จึงต้องเริ่มจากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เป็นก่อน 

 “นักธุรกิจบางคน รู้แต่รายรับ รายจ่าย ในธุรกิจแต่ไม่เคยรู้ รายรับ-รายจ่าย ในชีวิตประจำวันของตัวเอง” 

ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆในการจดบันทึกรายรับรายจ่าย

ยกตัวอย่างรายรับ ของนักธุรกิจ SMEs แบ่งออกเป็น 8 ประเภท

  • เงินเดือน+โบนัส
  • ค่านายหน้ารับ
  • ค่าลิขสิทธิ์
  • ดอกเบี้ย/เงินปันผลรับ
  • ค่าเช่ารับ
  • วิชาชีพอิสระ         
  • รายได้รับเหมา
  • รายได้อื่นๆ

จากตารางจะเห็นได้ว่า รายรับที่เรารับมา 1,200,000 บาท/ปี มีรายจ่าย 1,000,000 บาท/ปี จะเหลือเงินสุทธิ 200,000 บาท/ปี  ทีนี้เรามาดูกันในส่วนของรายการทรัพย์สิน-หนี้สินกันบ้าง ซึ่งในส่วนนี้เป็นส่วนที่คนไม่ค่อยสนใจมากที่สุด แต่ถ้าเราแบ่งสัดส่วนได้ เราจะรู้ว่าเงินของเรา มีหน้าที่ทำอะไร 

“เงินมีหน้าที่การทำงานไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องแบ่งเงินให้เป็นว่าเงินก้อนไหนใช้ทำอะไร”

สินทรัพย์ แบ่งออกด้วยกัน 4 ประเภท

  • สินทรัพย์สภาพคล่อง หมายถึง เงินสด เงินที่มีอยู่ในธนาคาร โดยหลักการการวางแผนทางการเงิน เงินส่วนนี้ต้องสำรองเอาไว้ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เช่น สมมติว่าเรามีค่าใช้จ่าย 30,000 บาท/เดือน เราต้องมีเงินสำรอง 180,000 บาท ในบัญชีสภาพคล่อง เพื่อไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
  • สินทรัพย์เพื่อการลงทุน คือพวก หุ้น กองทุนรวม ประกันชีวิต ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้จริงๆจังๆไว้สำหรับการเกษียณ
  • สินทรัพย์ฐาวรมั่นคง เช่น  บ้าน ที่ดิน รถยนต์
  • สินทรัพย์ส่วนตัว คือ Lifestlye ของแต่ละบุคคลเช่น นาฬิกา แหวนเพชร  ของสะสมต่างๆ 

จากตารางข้างต้น เมื่อเรารู้ว่าสินทรัพย์เรามี 6,500,000 บาท หนี้สินอยู่ที่ 4,500,000 บาท เราจะเห็นว่าเราเหลือความมั่งคั่งสุทธิ อยู่ที่ 2,000,000 บาท 

ความหมายของการทำตารางรายรับ-รายจ่าย และรายการทรัพย์สิน-หนี้สิน ตรงนี้จะเห็นได้ว่า เรามีรายจ่ายอยู่ที่ละ 1,000,000 บาท แต่เรามีสินทรัพย์อยู่แค่ 2,000,000 บาท แสดงว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัว คนข้างหลังของคุณจะมีเงินใช้แค่เพียง 2,000,000 บาท ซึ่ง จากรายการใช้จ่าย เงินนี้จะหมดภายใน 2 ปี ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัว

2. การปกป้องความมั่งคั่ง หรือ Wealth Protection ผ่านการวางแผนประกันภัย (Insurance Planning) และแผนเกษียณอายุ (Retirement Planning) 

  • การวางแผนประกันภัย เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ (เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ประสบอุบัติเหตุ พิการทุพพลภาพ หรือเป็นโรคร้ายแรง) จะเป็นตัวที่ทำลายเงินออมของเรา เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ตัวเราเองก็ต้องนำเงินของเราออกมารับผิดชอบความเสียหาย ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจจะน้อยหรือสูงกว่าที่คาดคิดก็ได้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น แน่นอนว่ากระทบต่อฐานะทางการเงินของเราแน่นอน
  • การวางแผนเกษียณอายุ เพื่อที่เราจะได้มีเงินคงอยู่ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่เราเกษียณอายุ 

3. การสะสมความมั่งคั่ง หรือ Wealth Accumulation ผ่านการวางแผนภาษี (Tax Planning) และการวางแผนการลงทุน (Investment Planning) การประหยัดภาษีทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เราจะสามารถเปลี่ยนค่าใช้จ่ายทางภาษีให้เป็นเงินออมทำให้เราสามารถนำเงินไปลงทุนในธุรกิจ หรือไปเป็นเงินออมได้ เพราะฉะนั้น การเข้าใจเรื่องภาษีก็เป็นสิ่งที่สำคัญ 

4. การส่งมอบความมั่งคั่ง หรือ Wealth Distribution ผ่านการวางแผนมรดก

เพื่อให้มั่นใจว่าความมั่งคั่งที่เราสะสมมาจะไม่จบที่เรา ดังนั้นเราต้องมีแผนมรดกเพื่อส่งมอบให้คนรุ่นหลังของเรา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ หรือทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีกฏหมายต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการรับมรดก  กฏหมายที่ดิน เป็นต้น และนอกจากนี้ถ้าบางคนทำธุรกิจครอบครัว ก็จะมีเรื่องการทำธรรมาภิบาลของครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้เรียกว่า Estate Planning  จะเกี่ยวข้องกับพวกเรื่องภาษีการให้ ภาษีการรับมรดกต่างๆ 

HightLight ของมันคือ ผลิตภัณฑ์สมัยนี้ เรื่องของการวางแผนภาษีไม่ใช่เป็นเรื่องที่แยกกันแล้ว บางผลิตภัณฑ์สามารถที่จะทำการลดหย่อนภาษีได้ หรือแม้แต่เรื่องของการทำประกันชีวิตควบคู่กับการลงทุนก็สามารถลดหย่อนภาษีได้ 

“การที่เรารู้จักการวางแผนภาษี ทำให้เราสามารถมีรายได้เพิ่มได้ คือเปลี่ยนค่าใช้จ่ายทางภาษีให้เป็นเงินออม เงินลงทุนในธุรกิจ”

WEALTH PROTECTION (LIFE) ทำไมต้องปกป้องความเสี่ยง

เมื่อเราทำธุรกิจ เราต้องพยายามที่จะแยกออกมา ว่าการปกป้องธุรกิจก็ส่วนนึง แต่ตัวเราเองก็ต้องมีแผนในการปกป้องตัวเองด้วยเช่นกัน โดยแบบง่ายๆออกเป็น 2 ประเภท

  •  WEALTH PROTECTION (NON-LIFE)  เช่น ประกันรถยนต์ , ประกันอัคคีภัย, ประกันการเดินทาง และประกันเบ็ดเตล็ด
  • WEALTH PROTECTION (LIFE) คือการปกป้องทรัพย์สินที่มีค่า นั่นก็คือ สมองเรา ร่างกายเรา นั่นเอง เพราะฉะนั้น เหตุผลในการที่เราต้องปกป้องความเสี่ยง จะมีอยู่ 4 หลักด้วยกัน คือ
  1. เหตุผลของความไม่แน่นอน (ตายก่อนเวลา) (DIE TOO SOON)

 ตัวเราไม่ใช่เครื่องจักร ที่สามารถซ่อมได้ ถ้าเกิดเราเป็นอะไรขึ้นมา เราจะทำยังไง  ลองดูตัวอย่างง่ายๆว่า การที่เราขาดคนในครอบครัวสักคนเป็นอย่าไร

จากตารางข้างต้น จะเห็นแนวทางในการช่วยแก้ปัญหาปกป้องความเสี่ยง นั่นก็คือ การลงทุน ประกันชีวิต นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ถ้าสมมติวันนี้เราเกิดไม่ได้มีชีวิตอยู่ เรามีรายได้ความมั่งคั่งอยู่ที่ 2,000,000 บาท เราจ่ายเราอยู่ที่ 1,000,000 บาท แสดงว่า คนในครอบครัวเราจะอยู่ได้แค่ 2 ปี ทำให้เราอาจจะต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อต่อชีวิต  แต่ถ้าเราซื้อทรัพย์สินตัวนึงที่เรียกว่า “ทุนประกัน” (เราสามารถระบุทุนประกันให้เป็นสินทรัพย์ส่วนตัวได้) อย่างตัวอย่างในตารางเราใส่ไป 10,000,000 บาท สินทรัพย์เราจะเพิ่มเป็น 16,500,000 บาททันที ครอบครัวก็สามารถที่จะปรับตัวได้ตามสเกลครอบครัวและธุรกิจ  

อีกหนึ่งสิ่งที่หลายท่านกังวลใจในเรื่องการลงทุนซื้อประกัน มันจึงมีแนวทางการแก้ปัญหา 

ปัจจุบันนี้ถ้าเราเป็นนักธุรกิจ SMEs เราอาจจะไม่ต้องใช้เงินตัวเองก็ได้ เพราะว่าด้วยการทำธุรกิจ เราจะมีค่าสวัสดิการให้กับผู้ประกอบการ เจ้าของบริษัท ในการบริหาร เราจึงสามารถที่จะซื้อประกันได้โดยการใช้เงินบริษัทและเราอยากจะจ่ายเท่าไหร่ ก็สามารถจ่ายได้ นี่เป็นอีกหนึ่งทางออกที่เรียกว่า “Corporate Policy” ซึ่งสิ่งนี้สามารถเป็นตัวช่วยบริษัทได้เช่น  การเสียภาษีที่น้อยลง วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีนึงที่เราสามารถบริหารบริษัท และความเสี่ยงของตัวเองควบคู่กันไป โดยไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

  1. เหตุผลของความซับซ้อนทางการเงินตายหลังเวลา (LIVE TOO LONG)

ปัญหาของการอยู่นานขึ้นคือเรื่องของการใช้เงิน สำหรับ ท่องเที่ยว ใช้ในชีวิตประจำวัน ในการรักษาการเจ็บป่วย

รักษาสุขภาพ

คน 100 คน เมื่ออายุ 65 ปี แบ่งออกด้วยกันเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มคนใช้ก่อนเก็บ จะเป็นกลุ่มคนประเภท 1.ตกเป็นภาระของสังคม มี 54 คน  2. เสียชีวิตก่อนอายุ 65 มี 36 คน กลุ่ม 3ยังคงต้องทำงาน มี 5 คน และกลุ่มเก็บก่อนใช้ ก็จะมีประเภท 1. ไม่เป็นภาระของลูกหลาน มี 4 คน และ 2. อยู่อย่างสุขสบาย มีเพียง 1 คน

ดังนั้นการออมเงินเพื่อให้มีใช้จ่ายเมื่อถึงวัยเกษียณ นั่นก็คือการลงทุนเรื่อง การฝากประจำ การฝากออมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล  กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน หุ้นสามัญ แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับการลงทุนของแต่ละบุคคล และความรู้ความสามารถของแต่ละคน

  1. เปลี่ยนรายจ่ายไม่แน่นอนให้แน่นอนค่าใช้จ่ายก้อนโต (UNEXPECTED LARGE EXPENSE)

คุณเอนกเองได้ยก Critical illness ที่เกิดจากชีวิตจริง โดยเล่าว่า “ทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 28 ปี ธุรกิจไปได้ดี แต่ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันคือ หัวใจวายเฉียบพลันจากเส้นเลือดตีบ ไม่มีเลือดไปเลี้ยงที่หัวใจ หยุดหายใจไป 13 ที โดยมีใบกำกับทางการแพทย์ ว่าด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และต้องใส่ขดลวดที่หัวใจ 3 เส้น ” ซึ่ง มันเป็นความกังวลว่าเมื่อเราฟื้นนขึ้นมา ค่าใช้จ่ายมันจะเท่าไหร่ และจะอยู่ได้นานขนาดไหน เพราะเรามีธุรกิจและครอบครัวที่ต้องดูแล  แต่การทำประกันชีวิต มันช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายได้หมดทุกอย่าง ดังนั้นอยากให้ทุกๆคนมองเรื่องของประกันชีวิต ประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราไม่รู้ว่าวันนึงถ้าเราล้มป่วยหรือจากไป การเงิน ค่าใช้จ่ายของเรามันจะเป็นปัญหาให้แก่คนรุ่นหลังที่ยังอยู่ จากกรณีคุณเอนก ใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 8 แสนบาทในการรักษา บริษัทประกันก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆให้ทั้งหมด ในสิ่งที่พูดยกเคสขึ้นมานั้น อยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ Second life ถ้าไม่โชคดีจริงๆ ทั้งหมดนี้คือความเสี่ยง

  1. ไม่ชอบประกันแต่ชอบผลของประกันเงินออม/ลดหย่อนภาษี/ลงทุน (OTHER BENEFIT)

ซึ่งปัจจุบันนี้เราจะเห็นได้ว่า ประกันจะมาในรูปแบบ Unit-Linked คือ การซื้อประกันชีวิตควบคู่กับการลงทุน โดยการซื้อประกันนั้น ในอดีตผลตอบแทนทางบริษัทจะเป็นผู้บริหารเอง แต่ในปัจจุบัน บริษัทประกันชีวิตสามารถช่วยเราบริหารการลงทุนได้ ว่าเราอยากไปลงทุนกับกองทุนไหน เขามีกองทุนให้เลือกตามลำดับความเสี่ยง ซึ่งสามารถสบายใจได้เลยว่า สุขภาพทางการเงินจะไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน

“ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา ธุรกิจเรากระทบ แล้วตัวเราจะอยู่ได้ไหม อย่างบางคนไม่สบาย ไม่ได้ทำธุรกิจ ก็สามารถอยู่ได้ เพราะนั่นคือผลที่ได้จากการวางแผนทางการเงิน”

————————

ติดตามเพิ่มเติมที่ได้
Website : ryounoi100lan.com Facbook : อายุน้อยร้อยล้าน Youtube : อายุน้อยร้อยล้านIG IGTV : ryounoi100lanLine : @ryounoi100lanSoundcloud :