เคยไหม? กลางวันไม่มีแรง กลางคืนแรงเหลือเฟือ แถมไอเดียวิ่งปรู๊ดปร๊าด ซึ่งถ้าหากใครกำลังมีอาการแบบนี้อยู่แสดงว่าคุณอาจจะกำลังเป็น “โรคร่าเริง” ซึ่งขอเตือนให้ระวัง เพราะมันอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ในอนาคต!
โรคร่าเริง (Lychnobite) คือ โรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตแบบไม่สมดุล ทำให้นอนหลับไม่เป็นเวลา ซึ่งส่วนมากก็เกิดการพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเราเอง โดยจะพบมากจะพบในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน สายครีเอทีฟ โปรแกรมเมอร์ คนทำงานช่วงกะกลางคืน และมากที่สุดในกลุ่มฟรีแลนซ์
ลักษณะอาการจะแตกต่างจากคนที่มีวันนอนดึกตื่นสาย ที่ทำให้เกิดอาการง่วงช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนเป็นโรคร่าเริงนั้นจะมีอาการกระปรี้กระเปร่า สมองแล่น มีสมาธิในการทำงาน แถมยังมีไอเดียอะไรใหม่ๆ มากกว่าในช่วงกลางวัน แถมงานที่ทำในช่วงกลางคืนนั้นยังมีประสิทธิภาพอย่างมากอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะดูไม่เลวร้ายอะไร แต่แพทย์ก็ออกมาเตือนว่าผลกระทบอาจตามมาในอนาคต เพราะหลังจากที่ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ในช่วงกลางคืนแล้ว จะส่งให้ช่วงกลางวันที่เป็นเวลาใช้ชีวิตของคนทั่วไปนั้นคนที่เป็นโรคร่าเริงจะมีอาการสมองตื้อ ตื่นเช้าไม่ไหว รู้สึกอ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย เหตุเพราะนอนหลับไม่เพียงพอ มากไปกว่านั้นยังส่งผลที่ร้ายแรงกว่าทุกคนคิด
เมื่อนอนดึกร่างกายก็จะไม่สามารถหลั่งสารโกรทฮอร์โมนที่ควรจะผลิตในช่วง 22.00-02.00 น. ออกมาได้เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนเพลียง่าย ผิวไม่ชุ่มชื้น ระบบเผาผลาญแย่ลง ซึ่งเป็นเหตุทำให้อยากของหวานและเป็นที่มาของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อ้วนง่ายขึ้น และโรคเบาหวานตามมา ยิ่งในผู้หญิงจะทำให้มีอาการ PMS รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังส่งผลต่อระบบขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลาทำให้เกิดอาการท้องผูก ถ่ายแปรปรวน และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ในอนาคต
อีกทั้งการนอนดึกทำให้หลายคนต้องพึ่งคาเฟอีนในตอนกลางวันเพื่อให้ร่างกายมีแรงที่จะทำงานต่อ จนกลายเป็นอาการติดคาเฟอีน เมื่อไม่ได้ดื่มก็จะทำให้ไม่มีแรงมากกว่าเดิม ในขณะเดียวกันการดื่มคาเฟอีนบ่อยๆ ทำให้เสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน และโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลให้ไม่สามารถเรียนและทำงานได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

สาเหตุหลักๆ ของการเกิดโรคร่าเริงนั้นมากจากการทำงาน อ่านหนังสือ เล่นเกม หรือเล่นโทรศัพท์มือถือจนไม่ได้นอน โดยเฉพาะการเล่นมือถือนั้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้ระบบประสาทนั้นตื่นตัวทำให้หลับยากกว่าปกติ นอกจากนี้เครื่องดื่มประเภทคาเฟอีนหรือเครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับเช่นกัน ยิ่งดื่มบ่อยๆ ก็จะทำให้เสพติด และรู้สึกไม่มีแรงเมื่อไม่ได้ดื่มอีกด้วย
จัดระบบชีวิตใหม่ก่อนจะสายเกินแก้!! เริ่มจากการนอนให้เป็นเวลา อาจจะกำหนดให้ตัวเองนอนเร็วขึ้นจากปกตินอน ตี 2 ก็กำหนดเป็นไม่เกินเที่ยงคืน แล้วตั้งนาฬิกาปลุกให้ตัวเองตื่นเป็นเวลา(ในช่วงเช้า ไม่ใช่ตั้งปลุกเที่ยงหรือบ่าย) โดยงดการ snooze หรือเลื่อนเวลาแล้วกลับไปนอนต่อ ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกทรมานหน่อย แต่หากทำทุกวันร่างกายก็จะจดจำและสามารถนอนหลับได้อย่างปกติ
หากในช่วงกลางวันรู้สึกง่วงก็ให้หาตัวช่วยที่จะทำให้หายง่วงไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง จิบน้ำ หาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับระหว่างวัน หลีกเลี่ยงการทานแป้งซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ง่วงนอน และสำหรับในช่วงเย็นก็อาจจะออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย หรือจะหาอะไรเพลินๆ ฟังก่อนนอน ไม่ว่าจะเป็นเพลง ธรรมะ Podcast เสียงธรรมชาติ หรือที่หลายคนนิยมกันอย่าง ASMR เพื่อสามารถนอนหลับได้อย่างสบายนั่นเอง
ถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะให้เหตุผลว่าการนอนดึกนั้นเป็นเพราะการทำงานแต่ก็อยากให้คำนึงถึงสุขภาพตัวเองด้วยเพราะถ้าหาเงินมาได้จำนวนมากแต่ต้องเอาไปรักษาสุขภาพหมดก็คงไม่คุ้มกันใช่หรือไม่??
ที่มา : https://bit.ly/3qLPrDS