ทำความเข้าใจ “Metaverse” เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ทุกคนต้องรู้จัก!

202

เชื่อว่าเมื่อไม่นานมานี้ หลาย ๆ คนก็อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างถึงการมาของ Metaverse โดยเฉพาะคำโฆษณาที่ว่า “มันจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ” เห็นได้จากการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกกำลังเตรียมการเพื่อเข้าสู่โลกของ Metaverse

เช่น Facebook รีแบรนด์ตัวเองเป็น “Meta” ซึ่งแสดงถึงความต้องการเป็นผู้นำในโลกใหม่และเป็นมากกว่าโซเชียลมีเดีย หรืออย่างแผนการซื้อกิจการ ActivisionBlizzard ของMicrosoft ในราคา 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.3 ล้านล้านบาท) แต่มีใครรู้หรือเข้าใจจริง ๆ หรือไม่ ว่าแท้จริงแล้ว Metaverse คืออะไร ไปทำความรู้จักอย่างง่าย ๆ กันเลย!

Metaverse คืออะไร?

Metaverse ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต มาจากคำว่า Meta กับ Verse มักถูกอธิบายไว้ว่า เป็นพื้นที่โลกเสมือนจริงที่มีตั้งแต่ย่านดิจิทัล สวนสาธารณะ และคลับต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าสังคม ทำงาน ออกไปเที่ยว พบปะสังสรรค์ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ชอปปิง เล่นเป็นตัวละครอวตาร์ หรือแม้แต่การทำธุรกิจ โดยเป็นพื้นที่ที่พร้อมใช้งานเสมอ และไม่หายไปไหนเมื่อใช้งานเสร็จ เสมือนกับว่าเป็นหนึ่งเดียวกับการใข้ชีวิตในโลกจริงๆ

จะเข้าสู่ Metaverse ได้อย่างไร?

สำหรับการใช้งานบนโลกของ Metaverse นั้น Mark Zuckerberg CEO ของ Meta, Satya Nadella CEO ของ Microsoft รวมถึงนักพัฒนาคนอื่น ๆ มองเห็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและสมจริงยิ่งขึ้นกับการใช้งานในโลกเสมือนจริง จึงพัฒนาโดยให้ Metaverse ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็น VR headset, AR glasses, คอมพิวเตอร์, แอปฯ บนสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่ PlayStation รวมถึงอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นเพื่อรองรับโลกใหม่นี้ในอนาคตอีกด้วย


ที่มาของ Metaverse?

“Neal Stephenson” คือผู้คิดค้นคำศัพท์นี้ใน Snow Crash ซึงเป็นนวนิยายปี 1992 ที่กล่าวถึงโลกเสมือนที่คนหลบหนีไปจากโลกความจริง โดยแนวคิดนี้ได้อัปเดตอีกครั้งใน Ready Player One เมื่อปี 2011 ซึ่งเป็นนวนิยายที่ผู้คนรวมตัวกันใน “Oasis metaverse” แรงบันดาลใจในการเปิดตัว Oculus Rift ของ Facebook

นอกเหนือจากนิยายแล้ว ยังมีการสร้าง Second Life โดย Linden Lab โลกเสมือนจริงที่เปิดตัวในปี 2003 ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ได้ดึงดูดบริษัทต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริษัทรถยนต์ ค่ายเพลง และผู้ผลิตคอมพิวเตอร์มากมาย (CNET ก็ปรากฏตัวใน Second Life ด้วย) แต่เพราะมีการโฆษณาที่เกินจริง ทำให้ความนิยมของ Second Life ค่อย ๆ ลดลง แม้ว่ามันจะยังคงทำงานอยู่ก็ตาม

นอกจากนี้ เกม เช่น Minecraft, Roblox และ Fortnite ก็ได้รับการอธิบายว่าเป็น Metaverse ด้วย เนื่องจากทั้ง 3 เกม อนุญาตให้ผู้เล่นสร้างโลก หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเกมได้ ซึ่งนี่คือรากฐานที่สำคัญของแนวคิด Metaverse ตัวอย่างเช่น ใน Fortnite ได้มีการจัดคอนเสิร์ต รวมถึงการแสดงของแร็ปเปอร์ Travis Scott และนักร้องเพลงป๊อปชื่อดังอย่าง Ariana Grande เป็นต้น

จะเป็นอย่างไรใน Metaverse?

แนวคิดเบื้องหลังอันสวยหรูของ Metaverse ที่ต้องใช้อุปกรณ์อย่าง หูฟัง แว่นตา คือโลกดิจิทัล 360 องศา ที่เปิดให้ทุกคนได้เข้าไปดื่มด่ำ มีอวาตาร์เป็นของตัวเอง สามารถออกแบบเองได้ ที่สำคัญจะได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ตึก คลับต่าง ๆ ที่สามารถสร้างหรือซื้อมาเป็นของตัวเองเพื่อสร้างความบันเทิงให้คุณและบรรดาเพื่อนอวาตาร์

แม้จะฟังดูแปลกประหลาดหรือไร้สาระ แต่การลงทุนเกี่ยวกับมูลค่าของที่ดินดิจิทัลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว “Tokens.com” บริษัทในแคนาดา ใช้เงินเกือบ 2.5 ล้านดอลลาร์ (83.9 ล้านบาท) ไปกับทรัพย์สินเสมือนจริงใน “Decentraland” Metaverse ของ Ethereum ซึ่งถือสถิติการซื้อขายอสังหาริมอรัพย์เสมือนจริงที่สูงเป็นประวัติการณ์เลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบัน Metaverse จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่หลายคนเพิ่งรู้จัก แล้วยังไม่ได้มีคำอธิบายหรือคำนิยามใดที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่า Metaverse เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยการก้าวเข้าสู่ของบริษัทใหญ่ระดับโลกที่ไม่ได้มีแค่ Meta หรือ Microsoft เท่านั้น แต่ยังมี Alibaba, Tencent, Epic Games ฯลฯ รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ในไทยที่เร่งพัฒนาและทดลองทำเพื่อให้ธุรกิจก้าวเข้าสู่โลกของ Metaverse

แสดงให้เห็นว่า ในอนาคต Metaverse อาจไม่ใช่แค่เทคโนโลยีหรือโลกเสมือนจริงที่แค่ให้ผู้คนเข้าไปแค่สื่อสารหรือใช้ชีวิตเหมือนอยู่บนโลกความจริงเท่านั้น แต่จะมีความสำคัญในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการซื้อขาย และการทำธุรกิจของภาคธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัดมากขึ้น

ที่มา : https://cnet.co/3uYLaOP