“ท้อไม่ได้ ทิ้งไปก็ไม่ได้ เพราะเราคือคนที่เคยถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังมาแล้ว รู้แล้วว่าความทุกข์ ความลำบากนั้นมันเป็นยังไง”
ต้องมารับสืบทอดกิจการ ตอนอายุ 20 ปี ยังอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ 3 เพราะเสียคุณพ่อที่เป็นเสาหลักของกิจการ ไปอย่างกระทันหันจากการประสบอุบัติเหตุไฟฟ้าช็อตในเหตุการณ์น้ำท่วม ปื 2554 นอกจากนี้น้ำท่วม ยังทำให้สินค้าที่เป็นเหล็ก ขึ้นสนิม มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ทำให้ตอนนั้นต้องเข้ามาแบกรับหนี้สินรวมกว่า 80 ล้านบาท และ บัญชีของพ่อก็โดนธนาคารแช่เข็ง ดึงเงินออกมาใช้ไม่ได้เลย
ตอนที่ต้องเข้ามารับช่วงต่อกิจการ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวเลย ไม่เคยศึกษา เพราะคิดว่าเป็นผู้หญิงคงไม่ได้สืบทอดกิจการนี้ น่าจะเป็นน้องชายมากกว่า แต่ตอนนั้นต้องทำเพราะเราเป็นพี่สาวคนโต น้องเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อเข้ามาบริหาร ทั้งๆที่อยู่ในวัยเพียง 20 ปี และยังเรียนไม่จบ แต่ต้องพยายามเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดในตอนนั้นทันที ศึกษาจากการอ่านเองบ้าง โทรศัพท์ไปสอบถามจากลูกค้าเองบ้าง โดนลูกค้าด่ากลับมาก็เยอะ ตอนนั้นทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อ เพราะสินค้ามีมากกว่า 100,000 SKU และกับตัวเราก็พนักงานไม่มีความเชื่อมั่น พากันลาออกเพราะมีข่าวลืมกันภายในว่า บริษัทจะเจ๊ง จนทำให้เหลือพนักงานอยู่เพียง 4 คน พนักงานที่ยังอยู่ก็เป็นพนักงานที่อยู่มานาน อยู่มาตั้งแต่สร้างธุรกิจแรกๆ เวลาบอกอะไรเค้าก็ไม่เชื่อ ต่อต้าน ไม่ทำตาม พอเป็นอย่างนั้นหลายครั้งเราก็เหวี่ยงเค้าไปบ้าง เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้านายนะ เรามีอำนาจในการตัดสินใจเขาต้องฟัง แต่เขาก็ไม่ฟัง
ตอนนั้นก็อยากจะหยุดทำ มองว่าเราทำไปก็น่าจะเจ๊ง แต่พอคิดแล้วก็หยุดไม่ได้ เพราะน้อง 2 คน ก็ยังเรียนไม่จบ ตัวเราเองก็ยังเรียนไม่จบ หนี้ก็ยังมีคือ
“ท้อไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ เพราะเราคือคนที่เคยถูกทิ้งไว้ข้างหลังมาแล้ว เจอความทุกข์ เจอความลำบากนั้นมาแล้ว เรารู้เลยว่ามันเป็นยังไง”
แต่ก็มีความโชคดีที่คุณพ่อทำประกันไว้ เลยมีเงินมาใช้หมุนให้อยู่ต่อได้ จากเงินประกันประมาณ 10 กว่าล้านบาท ซึ่งความจริงแล้วตอนที่มีชีวิตอยู่คุณพ่อก็ไม่ได้มองเห็นความสำคัญของประกันเลย ที่ซื้อมาเพราะช่วยคนที่มาขาย มาขอให้ช่วยซื้อเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้เรารู้ว่าประกันมันสำหรับคนที่ถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลังมากๆ
สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้จนถึงวันนี้ หนึ่งเลยคือ จากความอดทน อดทนต่อความลำบาก ตอนนั้นนอนเที่ยงคืนทุกวัน เลิกเรียนแล้วก็ยังต้องเอางานที่บ้านมาทำ มาศึกษา สองคือ ความรวดเร็ว พยายามเรียนรู้ทุกอย่างให้ไว ทั้งสินค้า ทั้งระบบของบริษัท ทั้งพนักงานที่ทุกคนทำงานมามากกว่าเรา ต้องเข้าไปคุยกับเขาให้มากๆ เรียนรู้และรับฟังจากเขาเยอะๆ เพื่อทำความเข้าใจทั้งเขาและงานของเขา สามคือ ต้องปรับเอาเทคโนโลยีมาใช้ ช่วยในการทำงานบ้าง ช่วงแรกพนักงานรุ่นเก่าก็ต่อต้าน มองว่ายุ่งยากแต่เราพยายามบอกให้เค้ารู้ผลลัพธ์ด้านดีที่เค้าจะได้ในอนาคต
สัมมนา “SMEs Health Check เช็คสุขภาพธุรกิจ เช็คสุขภาพคุณ”
ในหัวข้อ Second life of business รับมือเมื่อธุรกิจเสียศูนย์
กับ คุณพิน เบญญาพร จรางเดช
เจ้าของธุรกิจ พีเอสเค อินเตอร์เนชั่นแนล แบริ่งส์ จำกัด