หลังจากการควบรวม #TRUE และ #DTAC บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทโทรคมนาคม – เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ซึ่งบริษัทกำลังจะเสนอขายหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับ A+ อายุระหว่าง 1 ปี 3 เดือนถึง 10 ปี ให้ผลตอบแทนสูงสุด 4.60 % ต่อปี
ความน่าสนใจคือปัจจุบันนี้ #หุ้นกู้ เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากให้ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ แถมยังลดความผันผวน และมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ และยิ่งได้ลงทุนในองค์กรขนาดใหญ่ ที่น่าเชื่อถือ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (ESG หรือ DJSI) และมีความเชื่อมั่นในระยะยาว ก็จะยิ่งทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงน้อยลงตามมา
เทรนด์การลงทุนในปี 2024

- เศรษฐกิจโลกปี 2024 มีแนวโน้มเติบโตน้อยกว่าปี 2023
- เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะ Soft Landing ปี 2024
- คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเจ้าหน้าที่ Fed (Dot Plot) มีการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 รวม 0.75% ซึ่งมากกว่าจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดเพียง 2 ครั้ง
แต่หุ้นกู้กลับมาแรงในปี 2024 เพราะ…
- ปี 2023 ผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์ไทยผันผวนลดลงอย่างหนักมูลค่า Market Cap หายไป 3 ล้านล้านบาท
- หุ้นกู้ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์
- ปลอดภัย ลดความผันผวน และมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ
- หุ้นกู้องค์กรขนาดใหญ่ เชื่อถือได้ และมีความเชื่อมั่นในระยะยาว
และนี่คือ 6 เหตุผลที่ควรลงทุน ในหุ้นกู้ TRUE หลังการควบรวม TRUE และ DTAC จะมีอะไรบ้างไปดูเลย!

1. TRUE เป็นบริษัทโทรคมนาคม – เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย
- มีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 5G และ 4G ที่ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมผู้ใช้งาน 51 ล้านเลขหมาย
- มีบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตโครงข่ายไฟเบอร์ คุณภาพสูง พร้อมผู้ใช้งาน 3.8 ล้านราย
- มีสถานีโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมผู้ใช้งาน 1.4 ล้านราย
- มีบริการดิจิทัลครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่หลากหลาย อาทิเช่น True digital, True wallet, True id, True you, True analytics, True digital academy เป็นต้น
2. ทรูคอร์ปอเรชั่น ภายหลังการควบรวม ทรู-ดีแทคก้าวเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจโทรคมนาคมไทย

- จากไตรมาสที่ 2/2566 ถึงไตรมาสที่ 3/2566 มีจำนวนผู้ใช้บริการมือถือเพิ่มขึ้น 254,000 ราย เพิ่มขึ้นทั้งหมด 0.5% และจำนวนผู้ใช้งาน 5G สูงถึง 9.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 13%
- ยอดผู้ใช้โรมมิ่งโครงข่ายทรู-ดีแทค สูงมากถึง 39 ล้านราย
- เนื่องจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA ดีขึ้น เป็นไตรมาสที่สามติดต่อกันนับตั้งแต่การควบรวมกิจการ
- การเติบโตอย่างต่อเนื่องในการใช้งานและการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) 10-15%
3.การรวมโครงข่าย ทรูและดีแทคให้เป็นโครงข่ายเดียว (Single Grid) ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

- ปรับลดโครงสร้างพื้นฐานที่ซ้ำซ้อนลง 30%
- สัญญาณกว้าง ครอบคลุม เร็ว แรง กว่าเดิม
- ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยบริหารสถานีฐานและคลื่นความถี่เพื่อสัญญาณที่ดีกว่าเดิม
- ประสานคลื่นความถี่เพื่อคุณภาพสูงสุด
- ทำให้ค่าใช้จ่ายการลงทุน CAPEX ของทรู จะลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงก่อนควบรวม
- EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการจะดีขึ้น 11% เป็น 63% ภายในปี 2570
4. บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องกับการก้าวสู่ Telco – Tech Company

มอบความเป็นเลิศด้านเครือข่ายชั้นนำ
- ขยาย 5G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
- เข้าถึงผู้ใช้ทุกระดับไม่ว่าจะรายได้มากหรือรายได้น้อย
- ผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีในชุมชน
มอบบริการและประสบการณ์ที่เหนือกว่าการเชื่อมต่อ
- บริการล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี VR AR Metaverse
- มีศูนย์บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- ร้านค้าพันธมิตรมากมาย
- ศูนย์กลางด้านดิจิทัลและนวัตกรรม
ขยายบริการด้านดิจิทัลที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ทุกด้านทั้ง สื่อบันเทิง เกมออนไลน์ ความปลอดภัยและการประกันภัย สุขภาพ และสมาร์ทโฮม เป็นต้น
ใช้เทคโนโลยีเพื่อผลักดันธุรกิจ SMEและธุรกิจขนาดใหญ่ในไทย
- จัดตั้งกองทุน Venture Capital (VC)
- จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัล
- พร้อมผลักดันสตาร์ทอัปไทยไปสู่ระดับยูนิคอร์น
5. มีความยั่งยืนในการลงทุน

○ บริษัทและหุ้นกู้ ได้รับการจัดอันดับให้มีความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้มคงที่
(จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566)
○ ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือเลื่อนการชำระหนี้
○ ติดอันดับ 1 ของโลก ดัชนีความยั่งยืน DJSI 2023 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
ดัชนี DJSI ซึ่งเป็นดัชนีหลักทรัพย์ของบริษัทชั้นนำระดับโลก สะท้อนถึงการบริหารจัดการองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมีผู้ลงทุนสถาบันและกองทุนต่างๆ ทั่วโลกให้ความสนใจ รวมถึงใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการพิจารณาการลงทุน
6. ให้ผลตอบแทนสูงสุด 4.60 % ต่อปี

- หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.15% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.70% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.85% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.20% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.60% ต่อปี