ถ้ายังอยากซื้อของ ชอปปิง แล้วยังรวยอยู่ ต้องรู้จักซื้อของให้เป็น และรู้วิธีที่จะทำให้ของเหล่านั้นสร้างประโยชน์มากกว่าแค่ตอบสนองความอยากได้ของตัวเอง! 4 วิธีคิดต่อไปนี้ คือ วิธีคิดที่จะเปลี่ยนให้ของที่คุณซื้อมา ให้กลายเป็น “การลงทุนที่ดี” แถมเงินยังงอกเงยเพิ่มขึ้นด้วย!
📌วิธีที่ 1 ก่อนซื้อของแต่ละอย่าง ต้องเช็กก่อนว่าแบรนด์ไหนดี แบรนด์ไหนคนนิยมใช้มากกว่า
เพราะสินค้าแต่ละอย่างมีหลากหลายแบรนด์ และแต่ละแบรนด์ก็มีคนชอบไม่เหมือนกัน คุณไม่จำเป็นต้องหยุดซื้อของที่ชอบเพียงเพราะกลัวว่าจะจน เงินจะหมด กลับกันคุณสามารถซื้อของที่อยากได้ได้เหมือนเดิม เพียงแต่ก่อนซื้อควรหาข้อมูลและเช็กก่อนว่าแบรนด์ไหนเป็นแบรนด์ที่คนนิยมใช้มากกว่า เพราะแบรนด์ที่คนนิยมใช้ นั่นหมายความว่าเป็นที่ต้องการของผู้คน ดังนั้น คุณจึงควรเลือกซื้อสิ่งที่คุณแน่ใจว่ามันจะขายได้ หรือสร้างกำไรในอนาคตเมื่อคุณไม่ต้องการใช้มันอีกต่อไป
📌วิธีที่ 2 คุณสามารถซื้อ “รถหรู” ราคาแพงได้ หากยังมีค่าเสื่อมราคาที่ดี
ขึ้นชื่อว่าเป็นที่เคยผ่านการใช้มาแล้ว โดยเฉพาะ “รถ” ล้วนมีค่าเสื่อมราคาด้วยกันทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่? ว่ารถเก่าคลาสสิกบางคันที่หายากกลับมีราคาสูงกว่ารถใหม่ในตลาดด้วยซ้ำ ดังนั้น หากคุณอยากซื้อรถหรูสักคัน ไม่ว่าจะใหม่ หรือมือสอง ควรศึกษาหาข้อมูล และเลือกคันที่คาดการณ์ว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็จะไม่ตกรุ่น และยังเป็นที่ต้องการในตลาด รวมถึงนักสะสมรถ นอกจากคุณจะได้รถหรูสมใจ ยังสามารถเพิ่มมูลค่ากลายเป็นกำไรให้คุณในอนาคตได้ด้วย
📌วิธีที่ 3 อย่าซื้อของที่แตกหัก เสียหายง่าย รวมถึงของที่คุณไม่ได้ต้องการขนาดนั้น
คนส่วนใหญ่มีนิสัยชอบซื้อของถูกเพื่อประหยัดเงิน ซึ่งอาจเป็นปัญหาได้หากของชิ้นนั้นไม่มีคุณภาพที่ดีพอ ต่อให้เป็นของถูก แต่หากแตกหักหรือเสียหายง่ายเกินไป ก็ไม่คุ้มที่จะจ่าย นอกจากนี้ ยังรวมถึงของบางอย่างที่คุณแค่อยากซื้อแต่ไม่ได้ต้องการใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ ก็อาจทำให้แทนที่จะเป็นการลงทุนที่ดี กลายเป็น “สิ้นเปลือง” เงินของคุณได้
ดังนั้น ถ้าอยากให้การซื้อของของคุณเป็นการลงทุนที่ดีมากกว่า พยายามให้ทุกสิ่งที่ซื้อมีประโยชน์กับคุณมากที่สุดจนกว่าจะตัดสินใจเลิกใช้ และนำสิ่งนั้นไปต่อยอดสร้างกำไร ขายให้คนอื่นต่อไป เพราะไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ไปจนถึงเสื้อผ้าและรองเท้า สามารถเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าได้เสมอ ตราบใดที่ยังใช้งานได้สมบูรณ์ ไม่แตกหรือเสียหาย
📌วิธีที่ 4 ก่อนซื้อทุกครั้ง ถามตัวเองให้มั่นใจก่อนว่า ซื้อแล้วจะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นหรือไม่?
แม้จะมีของหลายอย่างที่ซื้อมาแล้วไม่สามารถขายต่อได้ เช่น อาหาร สมุดโน้ต หรือแม้แต่การสมัครเป็นสมาชิกต่าง ๆ แต่สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้คุณเติบโตในด้านอื่น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น การที่คุณสมัครเป็นสมาชิกยิม คุณเสียเงิน แต่สิ่งที่ได้คือ สุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น หรืออย่างอาหาร ซื้อทานแล้วนอกจากอิ่มท้อง อาหารบางอย่างยังดีต่อสุขภาพคุณด้วย เป็นต้น
จะเห็นว่าของเหล่านี้ถึงแม้จะไม่ได้สร้างรายได้ให้คุณโดยตรง ไม่ได้ทำให้เงินของคุณงอกเงยขึ้น แต่ก็นับว่าเป็น “การลงทุนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือ มีประโยชน์ต่อคุณ และสามารถผลักดันให้คุณเติบโตในด้านใดด้านหนึ่งของชีวิตคุณในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องซื้อของทุกอย่างเพื่อหวังให้เป็นการลงทุนในอนาคตเสมอไป คุณสามารถซื้อทุกอย่างที่ใจต้องการได้ เพียงแต่ว่าวิธีคิดเหล่านี้ล้วนเป็นวิธีคิดสำหรับคนที่ต้องการซื้อของที่ชอบด้วย แล้วยังอยากรวย มีเงินใช้ด้วย รวมถึงยังเป็นวิธีที่สามารถช่วยให้คุณหรือใครก็ตามรู้สึกผิดน้อยลงในการซื้อของอะไรสักชิ้นหนึ่ง เพราะการซื้อของที่สามารถเปลี่ยนเป็นการลงทุนที่ดีได้ จะทำให้รู้สึกว่าไม่เสียเงินไปเปล่า ๆ แถมยังได้กำไรกลับมาอีกด้วย
ที่มา : https://bit.ly/3U6EzgA