สำหรับหลายๆ ท่านที่อยากจะบอกต่อ หรือสื่อสารกับผู้ที่ติดตามแบรนด์หรือสินค้าของเรา ที่ผ่านมาถ้าอยากจะทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ต้องประกอบไปด้วยภาพและข้อความ แล้วนำไปโพสต์ลงโซเชียล แต่สำหรับในยุคปัจจุบัน ถ้าจะทำให้น่าสนใจและดึงดูดคนมากยิ่งขึ้น จะต้องเปลี่ยนการเล่าเรื่องจากภาพ ให้เป็นวิดีโอให้ได้ เพราะจะยิ่งทำให้การเข้าถึงของคนดูได้ดี แต่จะดียิ่งขึ้นไปอีก ต้องเป็นในรูปแบบของ Live Streaming นั่นเอง
คุณใหญ่ขอมอบเคล็ดลับในการสร้าง VDO Content ที่ทำให้ธุรกิจของคุณน่าดึงดูดและเทคนิคการถ่าย Pack Shot สินค้า อย่างเข้าใจง่ายเพื่อให้หลายๆ ท่าน สามารถนำไปปรับใช้ เพิ่มยอดขายและยอด View Check List ธุรกิจของท่านได้ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคเรื่องอุปกรณ์กล้อง เช่น กล้อง, อุปกรณ์กันสั่น, ไมโครโฟน ที่เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ราคาจับต้องได้และยังเป็นตัวช่วยสำคัญของการสร้าง Content ทั้งวิดีโอและภาพเคลื่อนไหว นอกเหนือจากนี้ยังได้เรียนรู้การใช้อุปกรณ์และโปรแกรม Live Streaming อีกด้วย
การตลาดของคุณจะดีได้นั้น ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการทำ Content ที่ดี อาจจะเคยได้ยินมาว่า Content is King ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
- เนื้อหามีความน่าสนใจ ดึงดูด
- กลุ่มคนดู ต้องการ mass หรือเฉพาะกลุ่ม
- ทำเนื้อหาให้ตอบสนองกลุ่มคนดู
- เลือกวิธีการนำเสนอให้น่าสนใจ
- เนื้อหาไม่ควรนาน หรือมากเกินไป
- จัดสัดส่วนให้พอดี มีความกระชับ
- ระวังเรื่องลิขสิทธิ์
ในการทำ Content จะต้องมีการลำดับขั้นตอนให้เห็นภาพก่อน และมีสิ่งที่ต้องคำนึงดังต่อไปนี้
- ทำเรื่องของเราให้เป็นเรื่องของเขา : จะทำอย่างไรให้คนมาสนใจวิดีโอหรือคอนเทนต์ ของเรา วิธีคิดง่ายๆ คือ อย่าเพิ่งคิดว่าเราอยากจะพูดอะไร แต่ให้สนใจว่าเขาอยากจะฟังอะไร แล้วเอาสิ่งที่เราอยากจะพูดไปแมทช์กับสิ่งที่เขาอยากจะฟังนั่นเอง
- เรียงลำดับเนื้อหา
- เกริ่นนำให้คนสนใจ รู้ว่าดูแล้วได้อะไร
- เล่าจากข้างนอกเข้าไปข้างใน : บางทีข้อมูลเราเยอะ จนทำให้การเล่าเรื่องนั้นปะปนกัน เล่าทุกอย่างที่เราอยากจะเล่า ควรจะเล่าจากข้างนอกแล้วค่อยปูเข้าไปข้างใน
- ดึงลักษณะเด่นออกมาให้เห็น
- สรุปให้คนจำได้
สำหรับการสร้าง VDO Content และการถ่าย Pack Shot สินค้าที่เป็นอาหาร มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่ทำให้คุณได้ทั้งภาพวิดีโอที่ดีที่สุดด้วยฝีมือของคุณเอง ดังนี้
Photography
- Lighting การจะถ่ายอาหารให้น่าทาน สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ภาพที่ดีต้องมีแสงที่เหมาะสมกับภาพ ง่ายที่สุดสำหรับตัวคุณเองก็สามารถถ่ายอาหารให้ออกมาสวยได้นั้น ต้องถ่ายใกล้แสง หรือไปนั่งร้านอาหาร คาเฟ่ มุมที่ดีที่สุดคือริมหน้าต่าง แสงที่สวยสำหรับการถ่ายภาพอาหารคือ แสงด้านข้างและแสงที่เข้ามาจากทางด้านหลัง และอาจจะใช้แค่อุปกรณ์ง่ายๆ อย่างมือถือก็ได้ แต่การถ่ายอาหารจะมีหลักๆ สองหน้าที่คือ Food Stylist จะเป็นตัวช่วยและเป็นคนออกแบบ จัดแต่งอาหาร ให้ภาพดูมีมูลค่าและน่าทานมากขึ้น และอีกตำแหน่งคือ ช่างภาพ เป็นคนหามุมกล้อง หาแสง

- Composition การวางองค์ประกอบ การควบคุมสี และการเล่นกับแสง ทั้งหมดคือองค์ประกอบที่ดีที่สุดของภาพ ซึ่งจะทำให้ภาพดูน่าสนใจ โดยง่ายๆ เลยการแบ่งองค์ประกอบในภาพเป็น 9 ช่อง ซึ่งสิ่งที่คนสนใจไม่จำเป็นต้องวางไว้กลางภาพเสมอไป อาจจะเอาพระเอกของภาพวางไว้ซ้าย หรือขวาก็ได้ นอกจากนี้ก่อนที่จะถ่ายภาพได้เก่ง เราต้องเริ่มจากการดูก่อน การดูภาพอาหารเยอะๆ แล้วลองถ่ายตาม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คุณได้คอนเทนต์เหมาะสม

- Props การถ่ายอาหารสิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ อาหารจานหลักนั่นเอง อาหารจานไหนเป็นพระเอก ควรจะต้องจัดวางพระเอกก่อนเสมอ แล้วค่อยวางอาหารจานอื่นๆ วัตถุดิบ หรือเครื่องเคียง ค่อยๆ ลงตามมา เพื่อให้ภาพของเราสมบูรณ์มากขึ้น
Video
วิดีโอคือการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่ายที่สุด เป็นรูปแบบหนึ่งในการผลิตหรือนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว โดยใช้การเล่าเรื่องราว (Storytelling) ผ่านภาพเคลื่อนไหว ขั้นตอนแรกก่อนที่จะสร้างวิดีโอ คือการเลือกลักษณะเนื้อหา และต้องการจะสื่อสารยังไง การทำวิดีโอไม่ได้เป็นการกดชัตเตอร์ทีเดียวแล้วจบ แต่ต้องทำวิดีโอให้คนสนใจและเกิดความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมทั้งไลค์ แชร์ คอมเมนต์ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือสามารถสื่อสารทั้งภาพและเสียงได้พร้อมกันในครั้งเดียวจึงสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้ทันทีและเป็นที่จดจำ โดยอารมณ์ร่วมนี้เองที่เป็นตัวแปรสำคัญในการโน้มน้าวใจ เกิดความเข้าใจในเรื่องราว สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์สินค้า สิ่งแรกที่ต้องมีก่อนลงมือทำวิดีโอคือ Storyboard เพราะการเขียนสตอรี่บอร์ดนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจมันอาจจะไม่ได้เป็นความยากจนเกินไป แต่มันคือการใส่ใจในและการวางแผนในทุกๆ รายละเอียด เนื้อเรื่องทั้งหมดนั้น ต้องถูกแยกออกมานำเสนอในสตอรี่บอร์ดก่อน เพื่อจะให้เห็นรายละเอียดและสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเรื่องๆ นั้น ก่อนที่จะนำเอาไปทำเป็นภาพต่อเนื่อง
Video Frame Rate คือจำนวนภาพนิ่งที่เรียงต่อเนื่องกันจนเป็นภาพเคลื่อนไหว มีหน่วยเป็น ภาพต่อวินาที เรียกย่อๆ ว่า FPS (Frame per second) เช่น 30 fps คือใน 1 วินาทีจะมีภาพต่อเนื่องกัน 30 ภาพ ดังนั้นวิดีโอที่เราถ่ายเช่นนี้อาจจะได้เป็นภาพ Slow motion นั่นเอง อย่าลืมว่าวิดีโอที่มีความต่างไปจากเดิม จะทำให้คนสนใจมากขึ้นได้
Camera shot หรือมุมกล้อง มุมกล้องแต่ละมุมมีการสื่อสารที่ไม่เหมือนกัน ยังมีผลต่อความคิดความรู้สึกที่จะสื่อความหมายไปยังผู้ดูได้ เราอาจแบ่งมุมกล้องได้เป็น 3 ระดับ และสามารถนำมาปรับใช้กับการถ่ายวิดีโอของเราเองได้ดังนี้
- ภาพระดับสายตา คือ การตั้งกล้องอยู่ในระดับสายตา ภาพในตำแหน่งที่อยู่ในระดับสายตาปกติที่เรามองเห็น ขนานกับพื้นดิน ภาพที่ได้จะให้ความรู้สึกเป็นปกติธรรมดา
- ภาพมุมต่ำ คือ ภาพที่ถ่ายต่ำกว่าตำแหน่งของวัตถุ จะให้ความรู้สึกถึงความสูงใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่าความเป็นจริง แสดงถึงความสง่า
- การถ่ายภาพมุมสูง คือ การตั้งกล้องถ่ายในต่ำแหน่งที่สูงกว่าวัตถุ ภาพที่ได้จะให้ความรู้สึกถึงความเล็ก ไม่เน้นความสำคัญ
Aspect Ratio คำเรียกที่แปลให้เข้าใจง่ายๆ ว่าขนาดหรือสัดส่วนของคลิปวิดีโอนั่นเอง ซึ่งได้รวบรวมขนาดของวิดีโอต่างๆ มาเพื่อที่คุณนำหยิบไปใช้ได้ง่ายๆ ดังนี้
- จอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Aspect Ratio = 9 : 16 Resolution = 1080 x 1920 px
- จอแท็บเล็ต Aspect Ratio = 3 : 4 Resolution = 1536 x 2048 px
- จอคอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ Aspect Ratio = 4 : 3 Resolution = 1024 x 768 px, Aspect Ratio = 16 : 9 Resolution = 1920 x 1080 px (Standard HDTV)
- วิดีโอสี่เหลี่ยมจตุรัส Aspect Ratio = 1 : 1 Resolution = 1080 x 1080 px

Camera
ปัจจุบันคุณสามารถที่จะทำคอนเทนต์ด้วยกล้องชนิดไหนก็ได้ แต่ละประเภทก็จะมีคุณภาพแตกต่างกันไป แต่หากจะให้แนะนำกล้องที่เหมาะกับปัจจุบัน โดยจะแนะนำไว้ให้ดังนี้
- กล้องต้องสามารถถ่าย VDO 4K 30p หรือ Full HD 60p ได้
- มีช่องต่อไมค์นอก เพื่อสำหรับต่อ Wireless ในการรับเสียงให้ชัดขึ้น
- หน้าจอกางออกมาได้ เพื่อสามารถมองเห็นภาพจากกล้องได้ทุกมุม
- มี Face detection ทำงานตอนถ่าย VDO
- มี Clean HDMI เพื่อสะดวกต่อการเชื่อมกับอุปกรณ์ชนิดอื่น
- แบตเตอรี่ต้องทน ต่อไฟนอกได้
นอกเหนือจากเลือกคุณภาพกล้องให้เข้ากับคอนเทนต์ของคุณแล้วนั้น อุปกรณ์เสริมก็สำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณได้งานที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยแนะนำอุปกรณ์ที่ใช้ง่ายและมีไว้คู่กับกล้องที่คุณมีก็ดีมาก เช่น
- Gimbal : ไม้กันสั่น จะช่วยให้วิดีโอของคุณไม่สั่น และทำให้คนดูง่ายขึ้น
- Microphone : จำเป็นมากที่ต้องมี เพราะภาพที่ความละเอียดต่ำยังไงคนก็ยังดูวิดีโอของคุณได้ แต่ถ้าเสียงไม่ดี ยังไงก็ทำให้วิดีโอของคุณมีคุณภาพที่ต่ำและไม่น่าสนใจแน่นอน โดยปัจจุบันลักษณะของไมโครโฟนจะทำให้กระทัดรัดและพกพาง่ายขึ้น เช่น Shotgun, Lavalier หรือไมค์ติดปกเสื้อ และ Wireless Microphone
Live Streaming

มีหลาย Platform ไม่ว่าจะเป็น youtube live, facebook live แต่ประเทศไทยที่นิยมมากที่สุดคือ facebook live นั่นเอง โดยข้อดีของการทำ Live ผ่าน Facebook มีดังนี้
- ผู้บริโภคจะใช้เวลาในการชมสูงกว่า 3 เท่า
- มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาสูงกว่า 6 เท่า
- เรียกคอมเมนต์จากผู้ชมได้สูงถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับ VDO Content ประเภทอื่นๆ

หลักการของ Facebook คือทำ feature ต่างๆ มาเพื่อให้คนอยู่กับหน้าจอของเฟซบุ๊กให้นานที่สุด หรือต้องการให้คนมี engagement มากที่สุด ดังนั้นถ้าคุณทำคอนเทนต์ได้น่าสนใจ เฟซบุ๊กก็จะเป็นตัวช่วยดึงคอนเทนต์ของคุณขึ้นไปโชว์ให้คนดูเห็นเรื่อยๆ และในปัจจุบัน นอกจากคุณสามารถที่จะทำไลฟ์ผ่านโทรศัพท์มือถือแล้ว แต่ถ้าใครอยากให้คุณภาพของไลฟ์ดียิ่งขึ้น ก็ยังสามารถทำไลฟ์ด้วยกล้องได้ โดยจะสามารถมีไอเท็มเพิ่มเติมเก๋ๆ ในชุดกล้อง เช่น ตัวแปลงสัญญาณ คอมพิวเตอร์ และมือถือ ส่วนโปรแกรมที่เราจะใช้ทำไลฟ์ไดแก่ Wirecase สามารถเลือกพื้นหลังได้มากมาย อีกตัวคือ OBS เป็นโปรแกรมฟรี สามารถใส่ลูกเล่นต่างๆ ได้ ต่อมา Mimolive ตัวนี้สามารถไลฟ์หลายๆ คนพร้อมกันได้ถึง 4 คนด้วยกัน อย่างไรเราก็ควรทำให้วิดีโอของเรามีความแตกต่างได้ก็คือ เพิ่มความสามารถในการทำให้คนสนใจวิดีโอของเราได้ เราสามารถเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ของเราได้ ซึ่งมองคู่แข่งก็สำคัญ เราอย่าไปมองจุดแข็งของเขา แต่ให้มองว่าจุดแข็งของเราคืออะไร แล้วเอาจุดแข็งของเราต่อยอดทำให้เกิดคอนเทนต์ให้น่าสนใจและน่าติดตาม ตอบโจทย์ลูกค้าของเราให้ได้
———————————————————————-
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : อายุน้อยร้อยล้าน https://m.facebook.com/Ryounoi100lan/
Youtube : อายุน้อยร้อยล้าน http://bit.ly/2YnwtmG
IG : ryounoi100lan http://bit.ly/2UFdwKK
Line : @ryounoi100lan http://bit.ly/2Tq0oMH